"ตากระตุก"..เป็น..ลางร้ายหรือไม่?
ดวงตา เป็นอวัยวะที่บอบบาง ซับซ้อนละเอียดอ่อน และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว แต่ด้วยสภาพแวดล้อมและการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือการสูบหรี่ ล้วนเป็นสาเหตุของปัญหาสายตาตามมา ควรสังเกตุอาการต่างๆ ที่ส่งสัญญานมาให้คุณทราบ เช่น

1.เปลือก ตากระตุก อาการแบบนี้จะมาทันทีเมื่อกล้ามเนื้อหนังตาเกร็งตัวหรือเกิดกระแสส่ง ประสาทอย่างมากเกิดการกระตุ้นกล้ามเนื้อตาผิดปกติ แต่มักจะเกิดเวลาเครียดจัดๆหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ เชื่อว่าหลายคงคงเคยเจอปัญหาตากระตุกแล้วบอกเป็นรางร้าย!! แนะนำว่าควรรีบกลับไปนอนดีกว่า

2.ขน ตาร่วงผิดปกติ ขนตาของคนเราก็เหมือนผม สามารถหลุดร่วงได้ทุกวัน แต่ถ้าอยู่ดีๆขนตาดกหนาของคุณร่วงจนบางอย่างเห็นได้ชัด อาจเพราะคุณกำลังมีอาการเปลือกตาอักเสบก็ได้ อาการนี้จะเกิดขึ้นหากคุณขยี้ตาบ่อยหรือใช้ขนตาปลอมและมาสคาร่าคุณภาพไม่ได้ มาตรฐาน ของเหล่านี้จะทำให้รูขุมขนบริเวณดวงตาอุดตันจนเกิดการอักเสบขึ้นมา ถ้าขนตาร่วงมากๆ วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ไม่ใช่การไปหาหมอ แต่คุณควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ความสวยจะดีกว่าขยี้ตาบ่อยๆ

3.ขอบ ตาดำคล้ำ อาการแบบนี้หมายถึงการไหลเวียนในหลอดเลือดฝอยบริเวณตาอาจจะเกิดการอุดตัน ไหลเวียน ไม่สะดวก หากปล่อยไว้ไม่ทำอะไรเลยการอุดตันจะยิ่งมากแล้วขอบตาก็จะดำ ส่วนใหญ่แล้วอาการเหล่านี้จะเกิดกับ
+ คนที่นอนน้อยเกินไป การพักผ่อนน้อยจะทำให้เกิดของเสียสะสมรอบดวงตา ไปอุดตันการไหลเวียนของเลือดจนตาดำอย่างที่เห็น
+ ขยี้ตาบ่อยๆ เพราะการขยี้ตาบ่อยๆเป็นการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีบริเวณรอบดวงตา อาจทำให้ขอบตาดำถาวร ต้องพึ่งศัลยกรรมลูกเดียว
+ เป็น โรคภูมิแพ้ คนที่เป็นโรคนี้มักจะมีตับและไตที่อ่อนแอ พอตับซึ่งมีหน้าที่ฟอกเลือดไม่แข็งเรง เลือดก็จะไม่สะอาด อาจจะหนืดหรือทำให้หลอดเลือดอุดตันได้ง่าย
+ ความ เครียด การกินอาหารขยะก็เป็นอีกสาเหตุของปัญหาขอบตาคล้ำ หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ที่ชื่นชอบรับประทานแฮมเบอร์เกอร์หรือของทอดๆ มากเกินไป ลองเปลี่ยนมากินผักสดและดื่มน้ำเปล่ามากๆ ขอบตาคุณก็จะหายดำคล้ำแล้ว
+ คนที่นอนน้อยเกินไป การพักผ่อนน้อยจะทำให้เกิดของเสียสะสมรอบดวงตา ไปอุดตันการไหลเวียนของเลือดจนตาดำอย่างที่เห็น
+ ขยี้ตาบ่อยๆ เพราะการขยี้ตาบ่อยๆเป็นการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีบริเวณรอบดวงตา อาจทำให้ขอบตาดำถาวร ต้องพึ่งศัลยกรรมลูกเดียว
+ เป็น โรคภูมิแพ้ คนที่เป็นโรคนี้มักจะมีตับและไตที่อ่อนแอ พอตับซึ่งมีหน้าที่ฟอกเลือดไม่แข็งเรง เลือดก็จะไม่สะอาด อาจจะหนืดหรือทำให้หลอดเลือดอุดตันได้ง่าย
+ ความ เครียด การกินอาหารขยะก็เป็นอีกสาเหตุของปัญหาขอบตาคล้ำ หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ที่ชื่นชอบรับประทานแฮมเบอร์เกอร์หรือของทอดๆ มากเกินไป ลองเปลี่ยนมากินผักสดและดื่มน้ำเปล่ามากๆ ขอบตาคุณก็จะหายดำคล้ำแล้ว

4.ถุงใต้ตาบวม สำหรับใครที่มีเหมือนถุงกาแฟห้อยอยู่ใต้ตา แสดงว่าชอบกลั้นปัสาวะระหว่างนอนหลับ หรือไม่ก็แพ้อาหารบางอย่างเช่นถั่ว อาหารทะเล ปกติถุงใต้ตา จะบวมอยู่ไม่กี่ชั่วโมงก็ยุบหายไปเอง แต่ถ้าใต้ตาของคุณบวมเรื้อรังนั่นเป็นสัญญาณว่าคุณเป็นเกี่ยวกับไต โดยเฉพาะโรคไตวายยิ่งต้องระวังให้มากที่สุด

5.ตา เหลือง ส่วนใหญ่อาการนี้มาจากโรคดีซ่านแต่สำหรับบางคนที่นอนน้อย ทำงานหนักติดต่อกันมากๆ หรือชอบกินเหล้าสูบบุหรี่ เป็นไปได้ว่าอาจมีปัญหาในถุงน้ำดี เป็นนิ่วในถุงน้ำดี เป็นมะเร็งตับอ่อน หรือไม่ก็เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี เพื่อความปลอดภัยสาวๆตาเหลืองควรไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลด่วนๆ




ผู้ที่ควรดูแลสุขภาพตาเป็นพิเศษ
- ผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
- ผู้ที่ใช้สายตามากจากการอ่านหนังสือ หรือขับรถ
- ผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาสายตา
- ผู้ที่สูบบุหรี่ผู้ป่วยเบาหวาน
- ผู้ที่ต้องการป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม และต้อกระจก
- ผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพดวงตา




ทำอย่างไรให้ดวงตามีสุขภาพดี?
+ ควรตรวจเช็คสายตาทุกๆ 6 เดือน รับประทานอาหารบำรุงดวงตาและพักผ่อนให้เพียงพอ
+ ใช้กฎ 20/20/20 นั้นคือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองออกไปข้างนอกประมาณ 20 ฟุต เป็นเวลา 20 นาที จะช่วยลดอาการปวดตาได้
+ ใช้แว่นกันแดดปกป้องดวงตา แสงยูวี (อุลตร้าไวโอเล็ต) สามารถทำลายเนื้อเยื้อของดวงตาเราได้ การรับรังสียูวีเป็นเวลานานและต่อเนื่อง เลนส์ตาที่เป็นผลึกใสและทำหน้าที่รวมแสงได้อย่างสมบูรณ์ จะเริ่มเปลี่ยนเป็นขุ่นทึบจนเกิดเป็นต้อกระจกหรือต้อหินได้
+ เมื่อมีการระคายเคือง ควรใช้น้ำตาเทียมล้างเอาความเค็มออกจากดวงตาให้เร็วที่สุด และอย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้เกิดการถลอกและเกิดแผลที่ดวงตาได้
+ หลีกเลี่ยงการสัมผัส"แสงสีฟ้า" เพราะบริเวณตรงจุดรับภาพชัดของตาเรามีเม็ดที่เป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่ตรง ข้ามกับแสงสีฟ้าทำให้เวลาเรามองวัตถุที่เปล่งแสงเป็นสีฟ้าออกมา จะทำให้ถูกดูดกลืนที่บริเวณจุดรับภาพมากที่สุดและเกิดปัญหากับเซลล์รับภาพชัด เกิดการทำลายของเซลล์ประสาทตาได้ แสงสีฟ้าอาจมีผลต่อโรคจอตาเสื่อมในอนาคต
+ ใช้กฎ 20/20/20 นั้นคือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองออกไปข้างนอกประมาณ 20 ฟุต เป็นเวลา 20 นาที จะช่วยลดอาการปวดตาได้
+ ใช้แว่นกันแดดปกป้องดวงตา แสงยูวี (อุลตร้าไวโอเล็ต) สามารถทำลายเนื้อเยื้อของดวงตาเราได้ การรับรังสียูวีเป็นเวลานานและต่อเนื่อง เลนส์ตาที่เป็นผลึกใสและทำหน้าที่รวมแสงได้อย่างสมบูรณ์ จะเริ่มเปลี่ยนเป็นขุ่นทึบจนเกิดเป็นต้อกระจกหรือต้อหินได้
+ เมื่อมีการระคายเคือง ควรใช้น้ำตาเทียมล้างเอาความเค็มออกจากดวงตาให้เร็วที่สุด และอย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้เกิดการถลอกและเกิดแผลที่ดวงตาได้
+ หลีกเลี่ยงการสัมผัส"แสงสีฟ้า" เพราะบริเวณตรงจุดรับภาพชัดของตาเรามีเม็ดที่เป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่ตรง ข้ามกับแสงสีฟ้าทำให้เวลาเรามองวัตถุที่เปล่งแสงเป็นสีฟ้าออกมา จะทำให้ถูกดูดกลืนที่บริเวณจุดรับภาพมากที่สุดและเกิดปัญหากับเซลล์รับภาพชัด เกิดการทำลายของเซลล์ประสาทตาได้ แสงสีฟ้าอาจมีผลต่อโรคจอตาเสื่อมในอนาคต



วิธีการดูแลสุขภาพสายตา
- นั่งห่างจากจอคอมพิวเตอร์ในระยะเหมาะสม ประมาณ 1 ฟุต 10 ซม.
- อ่านหรือเขียนหนังสือโดยมีแสงสว่างอย่างเพียงพอ
- พักสายตาบ้าง ไม่ควรใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ
- หลีกเลี่ยงการมองของที่มีสีขาวหรือวัตถุสะท้อนแสงมาก ๆ กลางแดด
- ควรสวมแว่นกันแดด หรือสวมหมวกทุกครั้งเมื่อออกแดดจ้า
- ตรวจวัดสายตาหรือพบจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตา เช่น ผักผลไม้หลากสี



วิธีการพักผ่อนสายตา
การใช้สายตาต่อเนื่อง เช่น การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจทำให้สายตาเมื่อยล้าได้ ควรพักสายตา และบริหารดวงตาบ้างโดย
การใช้สายตาต่อเนื่อง เช่น การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจทำให้สายตาเมื่อยล้าได้ ควรพักสายตา และบริหารดวงตาบ้างโดย
- การกระพริบตา : ช่วยให้น้ำตาหล่อเลี้ยงได้ทั่วตา ช่วยลดการระคายเคืองตาได้
- การใช้ฝ่ามือกดตาเบาๆ: ให้วางฝ่ามือบนเปลือกตาที่ปิดสนิท กดเบาๆ ประมาณ 1 นาทีแล้วปล่อย ทำซ้ำ 3-4 ครั้ง จะรู้สึกสบายขึ้น
- การมองไกล: ให้มองไกลไปจากจอ คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 6 เมตร โดยมองไปยังต้นไม้ ใบหญ้าหรือวัตถุสีเขียว จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการปรับโฟกัสของเลนส์ตา
- การกลอกตาเป็นวงกลม: ให้มองไปรอบๆ กว้างๆ ตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ และทวนเข็มนาฬิกาอีก 3 รอบ จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการกรอกตาไปมา



สารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา
จากรายงานการวิจัยมากมาย พบว่า การได้รับสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น การบริโภคผักผลไม้หลากสี มีส่วนช่วยบำรุงสายตา และป้องกันภาวะสายตาเสื่อมได้ โดยสารอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพของดวงตา และลดอนุมูลอิสระที่จะทำลายเลนส์ตาที่สำคัญมี 3 ชนิดได้แก่
ลูทีน (Lutein) เป็นสารอาหารธรรมชาติกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพ และจอประสาทตา ทำหน้าที่ป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตาและช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาโดยการ ลดอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตาร่างกายจำเป็นต้องได้รับลูทีนจากอาหารโดยเฉพาะจากพืชผักสีเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม ผักกาด ปวยเล้ง เป็นต้น
+ บิลเบอรี่สกัด (Bilberry extract) เป็นสารอาหารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันเลนส์ตา และสร้างความแข็งแรงให้กับคอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างของคอร์เนีย (Cornea) และเส้นเลือดฝอยในตาทำให้เส้นเลือดฝอยไม่เปราะแตกง่าย และป้องกันไม่ให้เซลล์ดวงตาขุ่นมัว อันเป็นสาเหตุของโรคต้อกระจก นอกจากนั้นยังช่วยการมองเห็นในที่มืด หรือที่ที่มีแสงสลัว ๆ ให้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย
+ เบต้าแคโรทีน(Beta-carotene) เป็นสารอาหารธรรมชาติที่พบมากในแครอท ฟักทอง ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นเบต้าแคโรทีน วิตามินเอซึ่งจะช่วยการมองเห็นในที่มืดป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงดวงตา และป้องกันโรคตาหลายชนิด เช่น ต้อกระจก รวมถึงช่วยให้ผิวเยื่อเมือกในตาชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย



ประโยชน์จากการได้รับลูทีน บิลเบอรี่สกัด และเบต้าแคโรทีนร่วมกัน
- ชะลอการเสื่อมของสายตา
- ลดอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อตา
- เพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอยในตา
- ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น
- ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
- ป้องกันตาขุ่นมัว และต้อกระจก
- ป้องกันเบาหวานขึ้นตา
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
สารพฤกษเคมี หรือ ไฟโตนิวเทรียนท์ ( Phytonutrients) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่พบเฉพาะในพืช สารกลุ่มนี้อาจเป็นสารที่ทำให้พืชผักชนิดนั้นๆ มีสี กลิ่นหรือรสชาติที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว สารพฤกษเคมีเหล่านี้หลายชนิดมีฤทธิ์ต่อต้านหรือป้องกันโรคบางชนิด กลไกการทำงานของสารพฤกษเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นไปโดยการช่วยให้เอ็น ไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น ปัจจุบันพบสารพฤกษเคมีแล้วมากกว่า 15,000 ชนิด
นักวิทยาศาสตร์พบว่าสารพฤกษเคมีสร้างประโยชน์ด้วยกลไกการออกฤทธิ์ในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
นักวิทยาศาสตร์พบว่าสารพฤกษเคมีสร้างประโยชน์ด้วยกลไกการออกฤทธิ์ในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
- ต้านออกซิเดชั่น ทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระ
- ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับดีเอ็นเอ
- เพิ่มภูมิต้านทานโรค
- ควบคุมการออกฤทธิ์ของฮอร์โมน
เผยแพร่ข้อมูลและสนับสนุนโดย : ENBOOST เอนไซม์สมุนไพรบำรุงสมองและสายตา... 2 ใน 1 เดียว ”ฟื้นฟูความจำ เพิ่มกำลังสมอง ถนอมดวงตา” มีส่วนผสมของเอนไซม์..สมุนไพรและพฤกษเคมีจากธรรมชาติ
สารพฤกษเคมี (Phytochemicals) คือ สารเคมีตามธรรมชาติที่พบในพืช เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพ ( เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ในคน เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, กระดูกพรุน, โรคปอด ไปจนถึงโรคมะเร็ง กลไกการทำงานของสารพฤกษเคมี ช่วยให้เอนไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งวิตามิน,กรดอะมิโน,สารสกัดที่มีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพต่อสมองและสายตา ให้ผลสูงสุด เห็นผลเร็ว และ ผลจะคงอยู่ได้ยาวนาน คือ ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ให้ออกซิเจนแก่สมอง ช่วยการทำงานของสารสื่อประสาท ช่วยเร่งการซ่อมแซมสมอง ช่วยเรื่องความจำ สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ สายตาและการได้ยิน เพื่อบำรุงสมองและสายตา
สนใจติดต่อ..
Call center : โทร. 088-536-2211 088-536-3322 088-536-4433 02-444-6544
ID line : Enzyme.co.th
Follow LINE Official ID @jqk0152o : https://bit.ly/2KuayDT
Follow Fanpage Biowist.co.th : https://bit.ly/2w61GRN
Follow Instagram enzymebiowist : https://bit.ly/2Ig6qcm
สารพฤกษเคมี (Phytochemicals) คือ สารเคมีตามธรรมชาติที่พบในพืช เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพ ( เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ในคน เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, กระดูกพรุน, โรคปอด ไปจนถึงโรคมะเร็ง กลไกการทำงานของสารพฤกษเคมี ช่วยให้เอนไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งวิตามิน,กรดอะมิโน,สารสกัดที่มีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพต่อสมองและสายตา ให้ผลสูงสุด เห็นผลเร็ว และ ผลจะคงอยู่ได้ยาวนาน คือ ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ให้ออกซิเจนแก่สมอง ช่วยการทำงานของสารสื่อประสาท ช่วยเร่งการซ่อมแซมสมอง ช่วยเรื่องความจำ สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ สายตาและการได้ยิน เพื่อบำรุงสมองและสายตา
สนใจติดต่อ..
Call center : โทร. 088-536-2211 088-536-3322 088-536-4433 02-444-6544
ID line : Enzyme.co.th
Follow LINE Official ID @jqk0152o : https://bit.ly/2KuayDT
Follow Fanpage Biowist.co.th : https://bit.ly/2w61GRN
Follow Instagram enzymebiowist : https://bit.ly/2Ig6qcm
สนใจสอบถาม/สั่งซื้อ
|