อาการนอนกรน..รักษาได้
คุณเคยมีอาการอย่างนี้กันบ้างไหม?
-
นอนตื่นสายทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนดึก
-
นอนมาก ตื่นก็สาย แต่ทำไมไม่สดชื่น มีอาการง่วงๆ ซึมๆ
-
หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย ความสามารถในการจำลดลง
-
ตกบ่ายก็เกิดอาการหาว และอยากนอน
- ตื่นนอนตอนเช้าด้วยความอ่อนล้าไม่สดชื่น หรือปวดมึนศีรษะต้องการนอนต่ออีกเป็นประจำ
-
รู้สึกว่านอนหลับไม่เต็มอิ่ม มีความรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้หลับนอนมาทั้งคืน
-
ง่วงนอนในเวลาทำงานกลางวัน จนไม่สามารถจะทำงานต่อได้ หรือมีอาการเผลอหลับในขณะทำงาน, ขณะขับขี่รถ หรือขณะอ่านหนังสือ
-
นอนหลับไม่ราบรื่น ฝันร้ายหรือละเมอขณะหลับ นอนกระสับกระส่ายมาก
-
มีอาการหายใจขัด หรือหายใจไม่สะดวกขณะนอนหลับ อาจมีอาการคล้ายสำลักน้ำลาย
-
มีอาการสะดุ้งผวา หรือ หายใจแรงเหมือนขาดอากาศหลังจากหยุดหายใจ
-
มีความดันโลหิตสูงซึ่งยังหาสาเหตุได้ไม่ชัดเจน
-
พัฒนาการทางสมองและสติปัญญา และความจำแย่ลง
อาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ พบบ่อยในคนอายุ 30-35 ปี เป็นอาการที่บ่งบอกถึงการอุดกั้นในทางเดินหายใจส่วนบน เกิดจากการผ่อนคลายหรือหย่อนตัวของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนบนขณะนอนหลับ เช่น กล้ามเนื้อบริเวณเพดานอ่อน (soft palate), ลิ้นไก่ (uvula), ผนังคอหอย (pharyngeal wall) หรือโคนลิ้น (tongue base) เป็นผลให้เกิดการสั่นสะเทือนและสะบัดของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนในบริเวณดังกล่าวเกิดเป็นเสียงกรนขึ้น ทำให้เกิดการหยุดหายใจเป็นช่วงๆขณะนอนหลับ ผลกระทบต่อสังคมและคุณภาพชีวิตของผู้อื่น อาจทำให้เกิดการหย่าร้างของคู่สามีภรรยา ดังนั้นผู้ที่มีอาการนอนกรนจำเป็นที่ต้องให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม
นอนกรนรักษาได้
ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้รับรู้ว่าการ "นอนกรน" มีอันตรายต่อสุขภาพของตนเองและคนใกล้ชิดอย่างมาก ทาง เดินหายใจที่เกิดตีบแคบขณะหลับนั้น จะตั้งอยู่หลังจมูกจนถึงทางเปิดกล่องเสียง มีลักษณะเหมือนท่อยางยืดหยุ่นที่ไม่มีกระดูกและเป็นโครงแข็ง และจะเกิด ขึ้นเฉพาะขณะหลับเท่านั้น เพราะขณะตื่นสมองจะสั่งงานเต็มที่ให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้น ขยายทางเดินหายใจส่วนต้นเต็มที่ ทําให้พูด หายใจและร้องเพลงผ่านทางเดินหายใจนี้ได้ แต่เมื่อหลับและสมองกําลังพักผ่อน ทําให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้ทํางานน้อยลง ท่อทางเดินหายใจส่วนต้นก็จะแฟบเข้าหากันเหมือนการดูดหลอดกาแฟ
ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้รับรู้ว่าการ "นอนกรน" มีอันตรายต่อสุขภาพของตนเองและคนใกล้ชิดอย่างมาก ทาง เดินหายใจที่เกิดตีบแคบขณะหลับนั้น จะตั้งอยู่หลังจมูกจนถึงทางเปิดกล่องเสียง มีลักษณะเหมือนท่อยางยืดหยุ่นที่ไม่มีกระดูกและเป็นโครงแข็ง และจะเกิด ขึ้นเฉพาะขณะหลับเท่านั้น เพราะขณะตื่นสมองจะสั่งงานเต็มที่ให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้น ขยายทางเดินหายใจส่วนต้นเต็มที่ ทําให้พูด หายใจและร้องเพลงผ่านทางเดินหายใจนี้ได้ แต่เมื่อหลับและสมองกําลังพักผ่อน ทําให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้ทํางานน้อยลง ท่อทางเดินหายใจส่วนต้นก็จะแฟบเข้าหากันเหมือนการดูดหลอดกาแฟ
คนที่เป็นโรคนอนกรนและหยุดหายใจนั้น มักมีทางเดินหายใจส่วนต้นแคบเล็ก ซึ่งอาจตีบแคบจนปิดสนิท ทําให้ไม่สามารถหายใจเอาอากาศผ่านไปสู่ปอดได้และเกิดผลเสียตามมาหลายอย่าง เช่น ทําให้ออกซิเจนในเลือดต่ําเนื่องจากขาดอากาศหายใจ จึงต้องพยายามหายใจแรงขึ้นเพื่อเปิดทางเดินหายใจนี้ เมื่อ สมองถูกกระตุ้นให้ตื่นบ่อยๆ ทําให้หลับไม่ลึกและรู้สึกง่วงนอนตอนกลางวัน เพลียและไม่สดชื่นเหมือนพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบอื่นๆ ตามมา เช่น ประสิทธิภาพการทํางานลดลง ความจําไม่ดี หงุดหงิดง่าย ง่วงหลับใน และหากทิ้งไว้ในระยะยาวโดยไม่ได้รักษาอาจนําไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคซึมเศร้า



วิธีการรักษาโรคนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ
แพทย์จะรักษาตามความรุนแรงของอาการของผู้ป่วยแต่ละรายด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
วิธีการที่ 1 ใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก หรือ ซีแพ็พ (CPAP) : โดยตัวเครื่องจะเป่าลมผ่านท่อสายยางไปสู่จมูกผู้ป่วยผ่านจากหน้ากาก เป็นมาตรฐานการรักษาโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยเกือบทุกราย
วิธีการที่ 2 การใส่ฟันยาง หรือ Oral Appliance ผู้ป่วยบางราย : จะ ได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีระดับโรคของเล็กน้อยและปานกลาง แต่ผู้ป่วยที่มีระดับของโรครุนแรงมักไม่ได้ผลเท่าที่ควร ฟันยางนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจส่วนต้นให้กว้างขึ้น โดยการยื่นขากรรไกรล่างและลิ้นมาทางด้าน
วิธีการที่ 3 การผ่าตัด : จะได้ผลดีในครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย จึงควรปรึกษาแพทย์ถึงความเหมาะสม เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้
วิธีการที่ 1 ใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก หรือ ซีแพ็พ (CPAP) : โดยตัวเครื่องจะเป่าลมผ่านท่อสายยางไปสู่จมูกผู้ป่วยผ่านจากหน้ากาก เป็นมาตรฐานการรักษาโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยเกือบทุกราย
วิธีการที่ 2 การใส่ฟันยาง หรือ Oral Appliance ผู้ป่วยบางราย : จะ ได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีระดับโรคของเล็กน้อยและปานกลาง แต่ผู้ป่วยที่มีระดับของโรครุนแรงมักไม่ได้ผลเท่าที่ควร ฟันยางนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจส่วนต้นให้กว้างขึ้น โดยการยื่นขากรรไกรล่างและลิ้นมาทางด้าน
วิธีการที่ 3 การผ่าตัด : จะได้ผลดีในครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย จึงควรปรึกษาแพทย์ถึงความเหมาะสม เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้



เคล็ดลับแก้อาการนอนกรน
1.ดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำหนึ่งช้อนโต๊ะก่อนนอน
2.อย่าทานอาหารหนักก่อนนอน 3 ชม. เพราะกะบังลมจะถูกกดทับ ทำให้การเดินลมในร่างกายตีบตัน
3.หลีกเลี่ยงการใช้หมอนนุ่ม ๆ เพราะจะไปทำให้คอหอยผ่อนคลาย ทำให้ระบบช่องลมไม่ขยาย
4.ปรับความชันของเตียงนอนให้ส่วนหัวสูงขึ้นจากแนวราบ จะช่วยผ่อนการกดทับของลิ้น และกราม จะลดอาการกรนระหว่างหลับ
5.นอนตะแคง จะช่วยลดและผ่อนคลายความดันในช่องทางเดินอากาศ สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมาก
6.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาบางชนิด เพราะทำให้การหายใจช้าลงและตื้นขึ้น กล้ามเนื้อหย่อนคลายลง โครงสร้างลำคอจะอุดตันช่องทางเดินอากาศได้ง่าย เป็นสาเหตุให้เกิดอาการนอนกรน
7.ลดน้ำหนัก ให้ได้ใกล้เคียงกับน้ำหนักตามสัดส่วนที่เหมาะสม
8.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นการปรับสภาพกล้ามเนื้อ และทำให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น
9.กำจัดปัจจัยในที่นอนที่ทำให้เกิดอาการหอบหืดภูมิแพ้ เช่น ไร ฝุ่น ขนสัตว์จะช่วยลดอาการคัดจมูกได้ด้วย
10.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือสัมผัสควันบุหรี่
2.อย่าทานอาหารหนักก่อนนอน 3 ชม. เพราะกะบังลมจะถูกกดทับ ทำให้การเดินลมในร่างกายตีบตัน
3.หลีกเลี่ยงการใช้หมอนนุ่ม ๆ เพราะจะไปทำให้คอหอยผ่อนคลาย ทำให้ระบบช่องลมไม่ขยาย
4.ปรับความชันของเตียงนอนให้ส่วนหัวสูงขึ้นจากแนวราบ จะช่วยผ่อนการกดทับของลิ้น และกราม จะลดอาการกรนระหว่างหลับ
5.นอนตะแคง จะช่วยลดและผ่อนคลายความดันในช่องทางเดินอากาศ สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมาก
6.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาบางชนิด เพราะทำให้การหายใจช้าลงและตื้นขึ้น กล้ามเนื้อหย่อนคลายลง โครงสร้างลำคอจะอุดตันช่องทางเดินอากาศได้ง่าย เป็นสาเหตุให้เกิดอาการนอนกรน
7.ลดน้ำหนัก ให้ได้ใกล้เคียงกับน้ำหนักตามสัดส่วนที่เหมาะสม
8.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นการปรับสภาพกล้ามเนื้อ และทำให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น
9.กำจัดปัจจัยในที่นอนที่ทำให้เกิดอาการหอบหืดภูมิแพ้ เช่น ไร ฝุ่น ขนสัตว์จะช่วยลดอาการคัดจมูกได้ด้วย
10.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือสัมผัสควันบุหรี่
หลักในการเลือกรับประทานอาหารเพื่อการดูแลสมอง
+ ทานอาหารประเภทต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดปัญหาอนุมูลอิสระทำลายสมอง
+ ทานอาหารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่สมอง
+ทานอาหารที่ไม่ปนเปื้อนสารโลหะหนักหรือสารเคมีต่างๆ
สารพฤกษเคมี หรือ ไฟโตนิวเทรียนท์ ( Phytonutrients) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่พบเฉพาะในพืช สารกลุ่มนี้อาจเป็นสารที่ทำให้พืชผักชนิดนั้นๆ มีสี กลิ่นหรือรสชาติที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว สารพฤกษเคมีเหล่านี้หลายชนิดมีฤทธิ์ต่อต้านหรือป้องกันโรคบางชนิด กลไกการทำงานของสารพฤกษเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นไปโดยการช่วยให้เอ็น ไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น ปัจจุบันพบสารพฤกษเคมีแล้วมากกว่า 15,000 ชนิด
นักวิทยาศาสตร์พบว่าสารพฤกษเคมีสร้างประโยชน์ด้วยกลไกการออกฤทธิ์ในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
+ ทานอาหารประเภทต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดปัญหาอนุมูลอิสระทำลายสมอง
+ ทานอาหารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่สมอง
+ทานอาหารที่ไม่ปนเปื้อนสารโลหะหนักหรือสารเคมีต่างๆ
สารพฤกษเคมี หรือ ไฟโตนิวเทรียนท์ ( Phytonutrients) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่พบเฉพาะในพืช สารกลุ่มนี้อาจเป็นสารที่ทำให้พืชผักชนิดนั้นๆ มีสี กลิ่นหรือรสชาติที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว สารพฤกษเคมีเหล่านี้หลายชนิดมีฤทธิ์ต่อต้านหรือป้องกันโรคบางชนิด กลไกการทำงานของสารพฤกษเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นไปโดยการช่วยให้เอ็น ไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น ปัจจุบันพบสารพฤกษเคมีแล้วมากกว่า 15,000 ชนิด
นักวิทยาศาสตร์พบว่าสารพฤกษเคมีสร้างประโยชน์ด้วยกลไกการออกฤทธิ์ในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
- ต้านออกซิเดชั่น ทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระ
- ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับดีเอ็นเอ
- เพิ่มภูมิต้านทานโรค
- ควบคุมการออกฤทธิ์ของฮอร์โมน
เผยแพร่ข้อมูลโดย : ENBOOST เอนไซม์สมุนไพรบำรุงสมองและสายตา... 2 ใน 1 เดียว ”ฟื้นฟูความจำ เพิ่มกำลังสมอง ถนอมดวงตา” มีส่วนผสมของเอนไซม์..สมุนไพรและพฤกษเคมีจากธรรมชาติ
สารพฤกษเคมี (Phytochemicals) คือ สารเคมีตามธรรมชาติที่พบในพืช เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพ ( บางครั้งก็จะเรียกกันว่า ไฟโตนิวเทรียนต์ หรือ สารอาหารจากพืช ) มีหน้าที่ให้มีสีสัน รสชาติ และการปกป้องคุ้มกันโรคแก่ผลไม้ พืชผัก เมล็ดธัญพืช และถั่วต่างๆ มันเป็นทั้งระบบภูมิคุ้มกันที่คอยปกป้องพืช และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ในคน เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, กระดูกพรุน, โรคปอด ไปจนถึงโรคมะเร็ง กลไกการทำงานของสารพฤกษเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นไปโดยการช่วยให้ เอนไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งวิตามิน,กรดอะมิโน,สารสกัดที่มีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพต่อสมองและสายตา ให้ผลสูงสุด เห็นผลเร็ว และ ผลจะคงอยู่ได้ยาวนาน คือ ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ให้ออกซิเจนแก่สมอง ช่วยการทำงานของสารสื่อประสาท ช่วยเร่งการซ่อมแซมสมอง ช่วยเรื่องความจำ สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ สายตาและการได้ยิน เพื่อบำรุงสมองและสายตา
สารพฤกษเคมี (Phytochemicals) คือ สารเคมีตามธรรมชาติที่พบในพืช เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพ ( บางครั้งก็จะเรียกกันว่า ไฟโตนิวเทรียนต์ หรือ สารอาหารจากพืช ) มีหน้าที่ให้มีสีสัน รสชาติ และการปกป้องคุ้มกันโรคแก่ผลไม้ พืชผัก เมล็ดธัญพืช และถั่วต่างๆ มันเป็นทั้งระบบภูมิคุ้มกันที่คอยปกป้องพืช และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ในคน เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, กระดูกพรุน, โรคปอด ไปจนถึงโรคมะเร็ง กลไกการทำงานของสารพฤกษเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นไปโดยการช่วยให้ เอนไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งวิตามิน,กรดอะมิโน,สารสกัดที่มีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพต่อสมองและสายตา ให้ผลสูงสุด เห็นผลเร็ว และ ผลจะคงอยู่ได้ยาวนาน คือ ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ให้ออกซิเจนแก่สมอง ช่วยการทำงานของสารสื่อประสาท ช่วยเร่งการซ่อมแซมสมอง ช่วยเรื่องความจำ สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ สายตาและการได้ยิน เพื่อบำรุงสมองและสายตา
สนใจติดต่อ..
Call center : โทร. 088-536-2211 088-536-3322 088-536-4433 02-444-6544
ID line : Enzyme.co.th
Follow LINE Official ID @jqk0152o : https://bit.ly/2KuayDT
Follow Fanpage Biowist.co.th : https://bit.ly/2w61GRN
Follow Instagram enzymebiowist : https://bit.ly/2Ig6qcm
Call center : โทร. 088-536-2211 088-536-3322 088-536-4433 02-444-6544
ID line : Enzyme.co.th
Follow LINE Official ID @jqk0152o : https://bit.ly/2KuayDT
Follow Fanpage Biowist.co.th : https://bit.ly/2w61GRN
Follow Instagram enzymebiowist : https://bit.ly/2Ig6qcm
สอบถามสั่งซื้อ
|