การนอนที่เพียงพอ..ผิวพรรณจะดี!!
ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการเรียน การทำงาน หรือการทำกิจกรรมต่างๆ จนลืมการพักผ่อนที่เพียงพอ และมักไม่คำนึงถึงความสำคัญของการนอนหลับ เพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่กิจกรรมหนึ่งที่ต้องทำในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง อารมณ์ไม่คงที่ สมาธิในการทำงานที่สั้นลง ผิวพรรณหมองคล้ำและทำให้แก่ก่อนวัยอีกด้วย
เวลา ถึงหนึ่งในสามของวันกับการนอนหลับ เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุด อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังหรืออวัยวะที่สึกหรอของเราและยังช่วยปรับ สมดุลฮอร์โมนของร่างกายอีกด้วย สารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจะหลั่งออกมาระหว่างการนอนหลับ เช่น สารเมลาโทนิน(Melatonin) ถ้าคนเราอดนอนหรือนอนหลับไม่เพียงพอก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายรวมทั้งผิวพรรณด้อยลง ด้วยสาเหตุจาก
เวลา ถึงหนึ่งในสามของวันกับการนอนหลับ เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุด อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังหรืออวัยวะที่สึกหรอของเราและยังช่วยปรับ สมดุลฮอร์โมนของร่างกายอีกด้วย สารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจะหลั่งออกมาระหว่างการนอนหลับ เช่น สารเมลาโทนิน(Melatonin) ถ้าคนเราอดนอนหรือนอนหลับไม่เพียงพอก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายรวมทั้งผิวพรรณด้อยลง ด้วยสาเหตุจาก






=>ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง เลือดจะมีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นและจะสลายตัว จนทำให้ความสามารถของร่างกายในการต้านทานต่อเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสเสียไป
=>ระบบจัดเก็บความทรงจำหรือระบบประสาทจะมีประสิทธิภาพลดลง ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) จะทำหน้าที่ถ่ายโอนข้อมูลที่เรียนรู้ในระหว่างวันเข้าสู่ความทรงจำระยะยาว หากร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
=> อารมณ์เครียดและเปลี่ยนแปลงได้ง่ายโดยไม่มีเหตุผล มีอาการง่วงนอนหรือรู้สึกไม่สดชื่นตลอดทั้งวัน
=>ระบบการย่อยอาหารผิดปกติ การจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือดหลังทานอาหารคาร์โบไฮเดรตไม่สมบูรณ์ ทำให้แก่เร็ว
=>หากเราอดนอนนาน 1 สัปดาห์ หรือนอนวันละ 4 ชั่วโมง ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญไขมันน้อยลงทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น
=> หากนอนไม่ถึงวันละ 8 ชั่วโมง ร่างกายก็จะผลิตสารเลปติน (Leptin) น้อยลง ทำให้มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น
=>สูญเสียโอกาสที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมนในขณะหลับ ถ้ามีน้อยหรือขาดการซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ผิวหนังก็จะหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่นได้
=> สารเมลาโทนิน จะถูกสร้างมากที่สุดในเวลากลางคืนขณะที่เรานอนหลับ ถ้านอนน้อยก็จะทำให้มีการสร้างสารนี้ลดลง ส่งผลให้เกิดการอักเสบหรือภูมิแพ้ของผิวหนังได้ง่ายขึ้น
=>ระบบจัดเก็บความทรงจำหรือระบบประสาทจะมีประสิทธิภาพลดลง ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) จะทำหน้าที่ถ่ายโอนข้อมูลที่เรียนรู้ในระหว่างวันเข้าสู่ความทรงจำระยะยาว หากร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
=> อารมณ์เครียดและเปลี่ยนแปลงได้ง่ายโดยไม่มีเหตุผล มีอาการง่วงนอนหรือรู้สึกไม่สดชื่นตลอดทั้งวัน
=>ระบบการย่อยอาหารผิดปกติ การจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือดหลังทานอาหารคาร์โบไฮเดรตไม่สมบูรณ์ ทำให้แก่เร็ว
=>หากเราอดนอนนาน 1 สัปดาห์ หรือนอนวันละ 4 ชั่วโมง ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญไขมันน้อยลงทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น
=> หากนอนไม่ถึงวันละ 8 ชั่วโมง ร่างกายก็จะผลิตสารเลปติน (Leptin) น้อยลง ทำให้มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น
=>สูญเสียโอกาสที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมนในขณะหลับ ถ้ามีน้อยหรือขาดการซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ผิวหนังก็จะหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่นได้
=> สารเมลาโทนิน จะถูกสร้างมากที่สุดในเวลากลางคืนขณะที่เรานอนหลับ ถ้านอนน้อยก็จะทำให้มีการสร้างสารนี้ลดลง ส่งผลให้เกิดการอักเสบหรือภูมิแพ้ของผิวหนังได้ง่ายขึ้น



เทคนิคในการช่วยให้นอนหลับสบายเพื่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณที่ดี
1. จัดเวลาการนอนให้เหมาะสม อาจเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมงต่อวัน และควรเข้านอนไม่ควรจะเกิน 4 ทุ่ม เพราะฮอร์โมนและสารต่างๆ ที่จำเป็นในการก่อให้เกิดสุขภาพร่างกายและผิวพรรณที่ดีจะผลิตเป็นเวลาตามที่ร่างกายกำหนด
2. สร้างบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะสม เช่น ห้องนอนควรจะเงียบ ไม่มีเสียงรบกวน อุณหภูมิในห้องต้องเย็นพอดีและควรจะปิดไฟให้มืด
3.ควรเลือกหมอนและเตียงนอนให้เหมาะสมกับสรีระของร่างกาย หมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนหรือนำมาซักทุกอาทิตย์เพื่อจะได้ช่วยลด การสะสมของฝุ่นและไรซึ่งอาจทำให้ผิวหน้าอ่อนแอ เกิดสิว และอาจเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น
4. หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายก่อนนอน เช่น การอาบน้ำอุ่น ฟังเพลงจังหวะสบายๆ หรือการนั่งสมาธิซึ่งช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟีน(Endorphine) ออกมา ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้นอนหลับได้สบายยิ่งขึ้น
5. ท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพเพราะเป็นท่านอนที่ไม่มีอะไรมากดทับหน้าอก ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้อย่างคล่องตัวที่สุด และจะช่วยให้หลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ดีที่สุด กว่าการนอนตะแคงหรือการนอนคว่ำนานๆ
1. จัดเวลาการนอนให้เหมาะสม อาจเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมงต่อวัน และควรเข้านอนไม่ควรจะเกิน 4 ทุ่ม เพราะฮอร์โมนและสารต่างๆ ที่จำเป็นในการก่อให้เกิดสุขภาพร่างกายและผิวพรรณที่ดีจะผลิตเป็นเวลาตามที่ร่างกายกำหนด
2. สร้างบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะสม เช่น ห้องนอนควรจะเงียบ ไม่มีเสียงรบกวน อุณหภูมิในห้องต้องเย็นพอดีและควรจะปิดไฟให้มืด
3.ควรเลือกหมอนและเตียงนอนให้เหมาะสมกับสรีระของร่างกาย หมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนหรือนำมาซักทุกอาทิตย์เพื่อจะได้ช่วยลด การสะสมของฝุ่นและไรซึ่งอาจทำให้ผิวหน้าอ่อนแอ เกิดสิว และอาจเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น
4. หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายก่อนนอน เช่น การอาบน้ำอุ่น ฟังเพลงจังหวะสบายๆ หรือการนั่งสมาธิซึ่งช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟีน(Endorphine) ออกมา ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้นอนหลับได้สบายยิ่งขึ้น
5. ท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพเพราะเป็นท่านอนที่ไม่มีอะไรมากดทับหน้าอก ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้อย่างคล่องตัวที่สุด และจะช่วยให้หลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ดีที่สุด กว่าการนอนตะแคงหรือการนอนคว่ำนานๆ



6. กลิ่นของน้ำมันหอมระเหย ได้แก่ น้ำมันหอมระเหยจากลาเวนเดอร์ จะช่วยให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายและช่วยให้การนอนหลับสบายยิ่งขึ้น
7.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม ให้ดื่มชาคาโมมายด์อุ่นๆ หรือนมอุ่นๆ ก่อนนอน เพื่อช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
8. เลือกทานอาหารจำพวกมันเทศ เผือก กลอย ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และผลิตภัณฑ์โฮลเกรนต่างๆ ช่วยให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนิน (serotonin) ทำให้นอนหลับสบาย
7.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม ให้ดื่มชาคาโมมายด์อุ่นๆ หรือนมอุ่นๆ ก่อนนอน เพื่อช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
8. เลือกทานอาหารจำพวกมันเทศ เผือก กลอย ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และผลิตภัณฑ์โฮลเกรนต่างๆ ช่วยให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนิน (serotonin) ทำให้นอนหลับสบาย
9.กด จุดบริเวณใบหน้าก่อนนอนด้วยการใช้ปลายนิ้วนวดวนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ ตามหัวคิ้ว ขมับ ร่องจมูก คาง และมุมปาก ช่วยให้การนอนหลับสบายและหลับสนิทขึ้น
เอกสารอ้างอิง : สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาชีววิทยา. สาระน่ารู้เกี่ยวกับการนอนหลับ. ตุลาคม 2553.
การนอนหลับสนิทเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลับได้ในทันที กว่าจะข่มตาหลับ ก็เลยเวลาที่ควรจะนอนไปหลายชั่วโมง ระหว่างนอนก็หลับไม่สนิท พลิกตัว กระสับกระส่ายไปมา ตื่นเป็นพัก ๆ เมื่อตื่นก็ยังรู้สึกว่านอนไม่เพียงพอ อ่อนเพลีย มีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว อยากล้มตัวกลับไปนอนใหม่
หากใครพบภาวะเหล่านี้ คุณกำลังมีสุขภาพในการนอนที่มีปัญหา ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะหากหลับไม่สนิท พักผ่อนไม่พอ อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมที่เหล่านี้ คุณกำลังมีสุขภาพในการนอนที่มีปัญหา ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะหากกลับไม่สนิท พักผ่อนไม่พอ อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมที่ทำในระหว่างวันได้
หากใครพบภาวะเหล่านี้ คุณกำลังมีสุขภาพในการนอนที่มีปัญหา ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะหากหลับไม่สนิท พักผ่อนไม่พอ อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมที่เหล่านี้ คุณกำลังมีสุขภาพในการนอนที่มีปัญหา ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะหากกลับไม่สนิท พักผ่อนไม่พอ อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมที่ทำในระหว่างวันได้
เผยแพร่ข้อมูลโดย : ENBOOST เอนไซม์สมุนไพรบำรุงสมองและสายตา... 2 ใน 1 เดียว ”ฟื้นฟูความจำ เพิ่มกำลังสมอง ถนอมดวงตา” มีส่วนผสมของเอนไซม์..สมุนไพรและพฤกษเคมีจากธรรมชาติ
สารพฤกษเคมี (Phytochemicals) คือ สารเคมีตามธรรมชาติที่พบในพืช เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพ ( บางครั้งก็จะเรียกกันว่า ไฟโตนิวเทรียนต์ หรือ สารอาหารจากพืช ) มีหน้าที่ให้มีสีสัน รสชาติ และการปกป้องคุ้มกันโรคแก่ผลไม้ พืชผัก เมล็ดธัญพืช และถั่วต่างๆ มันเป็นทั้งระบบภูมิคุ้มกันที่คอยปกป้องพืช และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ในคน เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, กระดูกพรุน, โรคปอด ไปจนถึงโรคมะเร็ง กลไกการทำงานของสารพฤกษเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นไปโดยการช่วยให้ เอนไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งวิตามิน,กรดอะมิโน,สารสกัดที่มีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพต่อสมองและสายตา ให้ผลสูงสุด เห็นผลเร็ว และ ผลจะคงอยู่ได้ยาวนาน คือ ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ให้ออกซิเจนแก่สมอง ช่วยการทำงานของสารสื่อประสาท ช่วยเร่งการซ่อมแซมสมอง ช่วยเรื่องความจำ สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ สายตาและการได้ยิน เพื่อบำรุงสมองและสายตา
สารพฤกษเคมี (Phytochemicals) คือ สารเคมีตามธรรมชาติที่พบในพืช เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพ ( บางครั้งก็จะเรียกกันว่า ไฟโตนิวเทรียนต์ หรือ สารอาหารจากพืช ) มีหน้าที่ให้มีสีสัน รสชาติ และการปกป้องคุ้มกันโรคแก่ผลไม้ พืชผัก เมล็ดธัญพืช และถั่วต่างๆ มันเป็นทั้งระบบภูมิคุ้มกันที่คอยปกป้องพืช และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ในคน เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, กระดูกพรุน, โรคปอด ไปจนถึงโรคมะเร็ง กลไกการทำงานของสารพฤกษเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นไปโดยการช่วยให้ เอนไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งวิตามิน,กรดอะมิโน,สารสกัดที่มีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพต่อสมองและสายตา ให้ผลสูงสุด เห็นผลเร็ว และ ผลจะคงอยู่ได้ยาวนาน คือ ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ให้ออกซิเจนแก่สมอง ช่วยการทำงานของสารสื่อประสาท ช่วยเร่งการซ่อมแซมสมอง ช่วยเรื่องความจำ สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ สายตาและการได้ยิน เพื่อบำรุงสมองและสายตา
สอบถาม/สั่งซื้อ
|