healthy2balance
  • ตอบโจทย์สุขภาพ
  • เอนไซม์ คืออะไร
  • เอนไซม์กับจุลินทรีย์โปรไบโอติก
    • จุลินทรีย์โปรไบโอติค
    • โปรไบโอติคแก้หวัดได้
  • เอนไซม์บำบัด
    • เอนไซม์บำบัด BY ดร.วิสุทธิ์
  • รวมผลิตภัณฑ์เอนไซม์บำบัด
    • เอนไซม์กับโรคเสื่อมเรื้อรัง
    • เอนไซม์กับสมรรถภาพทางเพศ
    • เอนไซม์สลายไขมันกับการลดน้ำหนัก
    • เอนไซม์บำรุงสมองและสายตา
    • เอนไซม์กับบำรุงและปรับสมดุลสุขภาพ
    • เอนไซม์กับความงามของผิวพรรณ
    • เอนไซม์เม็ดล้างผัก(Healthy Daily)
  • ทานเอนไซม์+ดื่มน้ำให้ได้ผลสูงสุด
    • ประโยชน์การดื่มน้ำอุ่น
    • ดื่มน้ำถูกวิธี..ดีต่อสุขภาพ
    • ดื่มน้ำ..บำบัดโรค
  • เอนไซม์กับโรคต่างๆในร่างกาย
    • 7 ขั้นตอน การเกิดโรคเสื่อมในร่างกาย
    • ท้องผูก..แสนอึดอัด
    • ท้องอืด..อาหารไม่ย่อย
  • โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED)
    • มือเท้าเย็น..เป็นโรคเสื่อมสมรรถภาพฯ
    • โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศกับโรคหัวใจ
    • สัญญานเตือน..โรคร้ายของผู้ชาย
    • มองดู..ผู้ชายวัยทอง
  • โรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
    • สัญญานมะเร็งต่อมลูกหมาก
    • โรคต่อมลูกหมากโต
  • เอนไซม์กับระบบภูมิคุ้มกัน
  • เอนไซม์กับโรคเก๊าต์
  • กลไกการเกิดโรคมะเร็ง
    • โรคมะเร็งเต้านม
  • โรคเบาหวาน
  • โรคหัวใจ
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไขมันในเลือดสูง
    • อาหาร..สำหรับโรคไขมันสูง
  • สัญญานเตือน..โรคหลอดเลือดสมอง
    • โรคหลอดเลือดสมอง-อัมพาต
    • โรคสมองเสื่อม-การป้องกัน
    • ประเภทของโรคอัมพฤกษ์
    • โรคอัมพฤกษ์-อัมพาต
  • โรคเกี่ยวกับตับ
    • ภาวะดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
    • โรคไขมันพอกตับ
    • โรคไวรัสตับอักเสบ
    • โรคตับอักเสบ
    • โรคตับแข็ง
    • โรคมะเร็งตับ
  • โรคภูมิแพ้
  • โรคกระดูกพรุน
  • บทความสุขภาพน่ารู้
    • เชื้อราแคนดิดา
    • อาหารไม่หวาน..แต่เสี่ยงเป็น"โรคเบาหวาน"
    • เมื่อ..ร่างกายขาดสมดุล
    • ทานมื้อเช้า..เลี่ยงโรคหัวใจ!!
    • เพิ่มพลังให้หายเฉา..ยามบ่ายแก่ๆ
    • จัดอาหารเพิ่มพลัง"มื้้อเช้า"
    • "เจ็บคอ"..ต้องระวัง!!
    • กล่องโฟม..เสี่ยงมะเร็ง!!
    • อาหารลดคลอเรสเตอรอล
    • ผิวไหม้แดดทำอย่างไรดี??
    • ความเครียดกับโรคกระดูกพรุน
    • น้ำมันมะกอก..ลดเสียงกรน
    • คลิ๊กเม้าส์ถี่..มีโรค
    • ท่านอน..บอกนิสัยและสุขภาพ
    • "สิว"บนใบหน้าบอกโรค
    • ประโยชน์การทานผลไม้ 5 สี
    • ความลับของลมหายใจ
    • แก้อาการ..นอนไม่หลับ
    • นอนกรน..รักษาได้
    • หลับพียงพอ..ดีต่อร่างกาย
    • ล้างพิษลำไส้ด้วยโยเกิร์ต
    • สูตรสำเร็จ..การหลับให้ฝันดี
    • ปฏิบัติการย้อนวัย
    • การป้องกันและดูแลสุขภาพ
    • การดูแลสุขภาพองค์รวม
    • น้ำตาล..จอมวายร้าย
    • การบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพ
    • วิธีกดจุดแก้ท้องผูก
  • โรคกรดไหลย้อน
  • โรคไมเกรน
  • โรคประสาทหูเสื่อม
  • โรคเกี่ยวกับดวงตา
    • โรคตาที่มากับคอนแทคเลนส์
    • เบาหวานขึ้นตา
    • โรคจอประสาทตาเสื่อม
    • โรควุ้นในตาเสื่อม
    • โรคต้อหิน
    • โรคต้อกระจก
    • โรคภูมิแพ้ขึ้นตา
  • บทความสุขภาพและเพศสัมพันธ์
    • เหนื่อยล้า..อ่อนเพลียเรื้อรัง
    • อยากหน้าเด็ก..เซ็กส์ช่วยได้!!
    • ความกังวลของ..บุรุษเพศ!!
    • ใครว่า?..สูงวัยมี"เซ็กส์"ไม่ได้
    • ผักผลไม้เพิ่มพลังเซ็กส์
    • เซ็กส์ที่ดี คือ การแพทย์แนวป้องกัน
    • เคล็ดลับ..ฟื้นฟูร่างกาย..ไม่หย่อน
    • สารพันปัญหา......เสื่อม???
  • บทความเกี่ยวกับสมองและสายตา
    • สร้างดวงตา..ให้ใสปิ๊ง!!
    • สมองซีกซ้ายและขวา..ทำงานอย่างไร?
    • แบบทดสอบความถนัดของสมองซีกซ้าย-ขวา
    • นิสัย..ทำร้ายสมอง
    • การเลือกแว่น..ให้ดีกับสายตา!!
    • การใช้สายตาในยุค' Gen S
    • 1 นาที..เปลี่ยนสายตาแย่เป็นเยี่ยม
    • แค่กำมือ..ช่วยให้จำแม่น!!
    • อัจฉริยะสร้างได้!!
    • แสงแดดอันตราย!!..ต่อดวงตา
    • การรักษาสายตายาว
    • ความฉลาดสร้างได้!!
    • ออกกำลัง..ป้องกันอัลไซเมอร์
    • 6 วิธีบริหารดวงตา
    • นอนกรน..ทำให้สมองเสื่อม?
    • ความจริงของดวงตา
    • บอกลาสายตาสั้นแบบธรรมชาติ
    • 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่สมองทำทุกวัน
    • พักตาให้หายล้า..เมื่อดูทีวี
    • 90 นาทีนอนกลางวัน..จำได้นาน
    • 6 กิจกรรม..ทำให้ฉลาดคิด
    • 5 ผลไม้บำรุงสายตา
    • วิธีสร้าง..เซลล์สมอง
    • เซลล์สมองงอกได้!!
    • วิธีเพิ่มข้อมูลในสมอง
    • วิธีกดจุดรักษาอาการสายตาสั้น
    • เพื่อนใน facebook ยิ่งมาก..สมองยิ่งโต
    • อาหารบำรุงสมอง
    • 4 อาหารบำรุงสมอง
    • บริหารสมอง..ให้อ่อนเยาว์
    • เทคนิคฝึกสมอง..ประคองความจำ
    • ภาพฝึกสายตา
    • "ดวงตารับรู้ สมองประมวลผล"
    • สมอง 5 ส่วน
    • หลับตาขณะฟัง..จำได้ไวและแม่น!!
    • วิธีถนอมสายตา
    • ตรวจ"สายตายาว"แบบง่ายๆ..ด้วยตัวเอง!!
    • ภาพลวงตา..น่าเล่น!!
    • เมื่อคุณ!!..สายตายาว..ควรทำอย่างไร?
    • อาการปวดบ่า..เกิดจากความเสื่อมของดวงตา
    • สายตายาวโดยกำเนิด..เป็นอย่างไร?
    • ปัญหาสายตาและการมองเห็น
    • สมาร์ทโฟน..อันตรายไร้เสียงต่อสายตา
    • ถนอมสายตา..ด้วยท่าโยคะ
    • ท่าบริหารสายตาหน้าจอคอมพ์
    • ทดสอบสายตา..พาสนุก!!
    • "ตากระตุก"ลางร้ายหรือไม่?
    • สัญญานอันตราย!!..สมองเสื่อม
  • บทความเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก
    • มาลดน้ำหนักกับอาร์ต..เทรนเน่อร์สวนสาธา& >
      • ตอนที่ 1 แรงบันดาลใจลดน้ำหนักจากหลักร้อ
      • ตอนที่ 2 ความมุ่งมั่นและตั้งใจ..เพื่อสุขũ
      • ตอนที่ 3 ลดน้ำหนักผิดวิธี..ชาตินี้ก็ไม่ผŪ
    • รอบเอว/รอบสะโพก..เสี่ยงต่อการเกิดโรค
    • ทานไขมัน..ลดความอ้วนได้
    • 7 วิธีขจัดเซลลูไลท์ตัวร้าย
    • ประโยชน์ของไขมันในร่างกาย
    • โปรตีนกับการลดน้ำหนัก
    • อ้วนลงพุง..โรคร้ายมาเยือน
    • เปลี่ยนพุงพลุ้ย..ให้เพรียวสวย
    • เต้นตามหัวใจ..อายุจะยืนยาว
    • 2 อย่า..ลดได้ไว
    • ลดอ้วน..ลดพุงง่ายๆ ด้วย 3 อ.
    • วิธีขจัดไขมัน..อย่างได้ผล
    • 20 เรื่องเข้าใจผิดกับการลดน้ำหนัก
    • เคล็ดลับสกัดพุงให้ไกล
    • ออกกำลังกายกลางแดด..อันตราย!!
    • เนรมิตหุ่นเพรียว..แบบง่ายๆ
    • ลดน้ำหนักที่ดี ไม่ควรเลี่ยงมื้้อเย็น
    • วิ่ง..ให้ผอมและดีต่อสุขภาพ
    • หุ่นสวย..สุขภาพดีมีเลือดฝาด
    • อาหารชะลอวัย
    • กีวี..กับการลดน้ำหนัก
    • 3 อ.ป้องกันอ้วน
    • กล้วย..ช่วยผอมสวย
    • ขนมหวาน..ความสำเร็จ
    • มะนาว.กับหุ่นเพรียว เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด
    • สาวโครงสร้างใหญ่..ดูแลรูปร่างอย่างไร?
    • สาวบั้นท้ายดินระเบิด..ดูแลรูปร่างอย่าง&
    • หุ่นนาฬิกาทราย..ดูแลอย่างไร?
    • สร้างส่วนโค้ง-เว้า..กับสาวรูปร่างตรง
    • นอนหลับสนิท..ช่วยลดความอ้วน
    • "กล้วย"..ลดน้ำหนักมื้อเช้า
    • ชาร์ตแบตมือถือ..ทำให้อ้วน
    • เลิกนิสัยแบบนี้!!..ไม่อ้วน
    • มันเทศ..ลดนำ้หนักได้
  • การเลือกทานอาหารให้เป็นยา
    • ตำลึง..บำรุงสายตา
    • กระหล่ำปลี..กินดิบไม่ดี!!
    • ทานผักให้ได้ประโยชน์ที่สุด!!
    • มะขามป้อม..กับประโยชน์อเนกอนันต์
    • แตงโมกับร่างกาย
    • ทานกระเจี๊ยบ.. เป็นยา
    • มะเขือเทศ..ต้านมะเร็ง
    • แตงกวา..ลดน้ำหนักได้
  • ท่าบริหารลดน้ำหนัก-สุขภาพ
    • มือใหม่..ออกกำลังกายแบบไหนดี?
    • 4 ท่าออกกำลังกายสลายเซลลูไลท์
    • ท่าบริหารต้นขา สะโพก ก้นให้กระชับ
    • SQUAT ให้ต้นขา สะโพกตึงกระชับ
    • ท่าเพิ่มกล้ามท้องและเร่งเบิร์น
    • สร้างต้นแขนให้กระชับภายใน 3 สัปดาห์
    • ท่าบริหารเผาผลาญแคลอรี่อย่างรวดเร็ว
    • ท่าบริหารก้น..สำหรับมือใหม่
    • Plank สำหรับผู้เริ่มต้น
    • ท่าง่ายๆลดต้นขาใหญ่
    • 10 ท่านอนดูทีวีให้รูปร่างดีหุ่นเป๊ะ
    • ท่ายืดเส้นคลายเมื่อย..ระหว่างวัน
    • การวอร์มร่างกายก่อน-หลังออกกำลังกาย
    • ท่าออกกำลังกายบนเตียงนอน
    • การบริหารคอไหล่ให้คลายตึง
  • บทความน่าสนใจอื่นๆ
    • ผลการทดลอง..เอนไซม์กับร่างกาย
    • คำไว้อาลัยงานศพ..คุณหมอสุรพล รักปทุม
  • เคล็ดลับหุ่นสวย
    • ชุดกระชับสัดส่วน O'Lady
  • สมัครสมาชิก/ตัวแทน
  • ติดต่อเรา
  • คลายปมทุกข์
    • ภูเขาน้ำแข็งกับการสั่งจิตใต้สำนึก
    • ความรัก-การนอกใจ..กับกฏจักรวาล
Link
Picture

ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ระบบภูมิคุ้มกัน (immune system) คือระบบที่คอยปกป้องร่างกายของสิ่งมีชีวิตจากสิ่งแปลกปลอม โดยเฉพาะจุลชีพก่อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต รา พยาธิ รวมถึงสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ เช่น เซลล์ที่กำลังเจริญเติบโตไปเป็นมะเร็ง อวัยวะของผู้อื่นที่ปลูกถ่ายเข้ามาในร่างกาย การได้รับเลือดผิดหมู่ สารก่อภูมิแพ้ ฯลฯ​ ​​​

ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างไร?

     ระบบภูมิคุ้มกันทำหน้าที่เสมือนกองทัพที่ปกป้องร่างกาย ส่วนใหญ่อยู่ในระบบทางเดินน้ำเหลืองและกระแสเลือด  ระบบทางเดินน้ำเหลืองประกอบด้วยโครงข่ายของท่อน้ำเหลืองซึ่งลำเลียงของเหลวจากช่องว่างระหว่างเซลล์กลับเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิต นอกจากนี้ ยังมีต่อมน้ำเหลือง ม้าม และต่อมไทมัส ซึ่งต่างก็ผลิตลิมโฟไซต์อันเป็นเซลล์ที่คอยตรวจจับ ทำลาย และกำจัดสารแปลกปลอม จุลินทรีย์ และเซลล์มะเร็งทั้งหลาย

ระบบภูมิคุ้มกันแบ่งเป็น 2 ระบบ คือ

Picture
  1. ​Innate immunity เป็นระบบภูมิคุ้มกันที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ป้องกันสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จำเพาะเจาะจง เช่น ผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะตัวในการป้องกันและกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไปจากร่างกาย ดังนี้
  • ​ผิวหนัง จะมี lactic acid และ fatty acid  ที่ผลิตออกมาจากต่อมไขมันที่ผิวหนัง ช่วยยับยั้งและทำลายเชื้อโรค แต่ถ้าหากผิวหนังชั้นนอกเปิดออก เช่น ถ้ามีแผลเล็กๆ ระบบภูมิคุ้มกันจะกำจัดเชื้อออกไปได้ โดยการล้างแผลให้สะอาด รักษาแผลให้แห้ง  แต่ถ้าแผลขนาดใหญ่และลึก ภูมิคุ้มกันจัดการไม่ไหว ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด และเป็นสาเหตุให้ช็อกและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
  • เยื่อบุหลอดลม มีเซลล์ที่มีขน (hairy cell) คอยพัดโบกเชื้อโรคให้ออกไปจากหลอดลม อีกทั้งมีเซลล์ผลิตเสมหะ (goblet cell) ที่เหนียวหนืด ไว้คอยดักจับเชื้อโรคคล้ายกาวจับแมลงวันเพื่อไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุหลอดลม
  • น้ำมูก น้ำลาย น้ำตา มีหน้าที่ชะล้างเชื้อโรคออกไปจากเยื่อบุ อีกทั้งในสารคัดหลั่งเหล่านี้ยังมี enzyme ที่มีคุณสมบัติในการย่อยทำลายเชื้อโรคอย่างอ่อนๆ อีกด้วย
  • การไอ ช่วยขับไล่สิ่งแปลกปลอมที่เราสำลักเข้าไปในหลอดลมและปอด หากสิ่งแปลกปลอมทำให้เกิดการระคายเคืองมาก ก็จะไอนานจนกว่าจะหลุด ผู้สูงอายุจึงเป็นปอดอักเสบจากการสำลักได้บ่อย
  • ความเป็นกรดของสารคัดหลั่งในช่องคลอดช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรค
  • ความแรงของกรดในกระเพาะอาหารที่ฆ่าเชื้อโรคแทบไม่เหลือ ยกเว้นเชื้อทนกรดเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น
Picture
2. Acquired immunity คือภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นภายหลัง หากเชื้อโรคสามารถฝ่าด่านแรกเข้าสู่ใต้เยื่อบุหรือผิวหนังที่มีบาดแผลได้แล้ว เซลล์ต่างๆ ของระบบภูมิคุ้มกันจะพยายามกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้ให้ออกไปพ้นจากร่างกาย เซลล์เหล่านี้เจริญเติบโตมาจาก stem cell อันเป็นเซลล์ต้นตอในไขกระดูก เติบโตเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ เมื่อเซลล์เหล่านี้โตเต็มที่แล้วจึงออกมาสู่กระแสเลือด ล่องลอยไปอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย  ตามหน้าที่เฉพาะตัวแตกต่างกันไปของเซลล์แต่ละชนิด แต่ทำงานสอดคล้องประสานกันเป็นระบบอย่างน่าอัศจรรย์ ดังนี้​​
  • Granulocyte เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่มี granule มากมายในเซลล์ ส่วนใหญ่อยู่ในกระแสเลือด มีหน้าที่กรูกันมาจัดการกับ antigen โดยกินเชื้อแบคทีเรีย ฆ่าปรสิต และ enzyme ที่อยู่ใน granule ย่อยสลายเชื้อโรคและแปรสภาพเป็นหนอง หากอยู่ในกระแสเลือดก็กลายเป็นซากแล้วถูกกำจัดไป
  • Monocyte เป็นเม็ดเลือดขาวที่มีจำนวนน้อยในกระแสเลือด มีหน้าที่กินเชื้อโรคในกระแสเลือดและเก็บกินซากที่เกิดจากการทำลายเชื้อโรค
  • Macrophage เป็น monocyte ที่อยู่ในเนื้อเยื่อ กระจายอยู่ในอวัยวะต่างๆ เมื่อกิน antigen เข้าไปแล้ว จะทำหน้าที่เป็น antigen presenting cell (APC) คือส่งสัญญาณจาก antigen ต่อมาให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T lymphocyte เพื่อรับหน้าที่ต่อไป
  • Dendritic cell มีหน้าที่เช่นเดียวกับ macrophage
  •  ลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) เป็นเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่แข็งขันที่สุด แบ่งตามหน้าที่เป็น 2 ชนิด คือ  บีเซลล์และทีเซลล์  ในร่างกายยังมีเซลล์พิฆาตตามธรรมชาติ (เอ็นเคเซลล์) ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้และกำจัดสิ่งแปลกปลอมโดยเฉพาะเซลล์มะเร็งทันที
       แบ่งตามหน้าที่เป็น 2 ชนิด คือ    
​    1. B lymphocyte คือ ภูมิต้านทาน (antibody) ที่
ถูกผลิตโดยม้าม จะขับสารต้านเชื้อแปลก   ปลอมจำเพาะต่อเชื้อ เป็นเซลล์ที่จำเชื้อโรคเดิมได้ เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งก็จะระดมพลเพื่อทำลายในทันที  จึงสามารถกำจัดเชื้อโรคออกไปโดยไม่ทันก่อโรคได้ในสัปดาห์แรก จะมีอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต
     2.T lymphocyte ถูกผลิตในต่อมไทมัสสามารถทำลายสิ่งแปลกปลอมได้โดยตรง เริ่มงานเมื่อได้รับสัญญาณจาก APC มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันด้านเซลล์ ที่สำคัญมี 3 ชนิด คือ
  • T helper หรือ CD4 มีหน้าที่ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน มีอานุภาพสูง หลั่งสารมากมายหลายชนิดออกมาจากเซลล์เรียกว่า cytokines เพื่อกระตุ้นเซลล์ชนิดต่างๆในระบบภูมิคุ้มกันให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนระดมพล และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อโรคเหมือนทหารที่ฮึกเหิมพร้อมออกศึก
  • T suppressor หรือ CD8 มีหน้าที่ทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม อีกทั้งยับยั้งการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันเมื่อหมดความจำเป็นแล้ว ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายต่อร่างกายจากการทำงานที่เกินเลยของระบบภูมิคุ้มกัน
  • Natural killer cell เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวหรือเซลล์พิฆาตตามธรรมชาติ มีหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็ง และเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสเป็นหลัก   ​
    เซลล์เม็ดเลือดขาวที่พบในเลือด ประกอบด้วย ฟาโกไซต์และลิมโฟไซต์ มีบทบาทสำคัญในการทำลายแบคทีเรียที่มารุกราน รวมทั้งกำจัดเนื้อเยื่อที่ตายและถูกทำลายลง
​     ระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ต้องมีดุลยภาพสมบูรณ์ ดังนั้น แม้ว่าระบบภูมิคุ้มกันจะมีหน้าที่หลักในการทำลายสิ่งแปลกปลอม แต่ก็อาจจะยอมให้สารที่ร่างกายเราต้องการ เช่น อาหารผ่านเข้ามาได้
Picture
    ในกลุ่มคนไข้ที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหารมักมีปัญหา การย่อยอาหารที่ทำได้ไม่สมบูรณ์ จะทำให้สารอาหารที่จะไปซ่อมแซมเซลล์และสร้างพลังงานนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์อวัยวะในร่างกาย ทำไม่ได้ดี จึงทำให้เซลล์ของแต่ละอวัยวะขาดอาหาร เนื้อเยื่อต่างๆจะขาดการบำรุง ยับยั้งกลไกการสร้างปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย จนถึงระบบการขจัดสารพิษได้น้อยลง จนส่งผลถึงระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวน้อยลง จนเป็นจุดวิกฤตในการสู้กับเชื้อโรคที่เข้ามารุกราน
 การอ่อนล้าของเซลล์ทำให้ร่างกายขาดแคลนเชื้อเพลิงและออกซิเจน การย่อยที่ไม่สมบูรณ์ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น ทำให้เกิดปัญหา คือ
  1.  ทำให้ลำไส้ระคายเคือง เกิดการอักเสบของผนังลำไส้ซึ่งจะนำไปสู่การปลดปล่อยสารเคมีอันตรายที่ทำให้ผนังลำไส้เป็นแผล โปรตีนที่ย่อยไม่สมบูรณ์จะผ่านไป สู่ท่อน้ำเหลืองของผนังลำไส้ และ ระบบไหลเวียนทั่วร่างกาย ภูมิคุ้มกันนึกว่าสิ่งแปลกปลอมก็จะต่อสู้จนเหลือจำนวนน้อยลง ทำให้เชื้อโรคและเชื้อรา เช่น เชื้อรา แคนดิดา อัลบิแคน ไวรัส ก่อตัวและเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันก็ทำงานหนักยิ่งขึ้นไปอีก
  2. การอักเสบทั่วไป จากกากอาหาร ทำให้เกิดปฏิกิริยาเผาผลาญออกซิเจนและอนุมูลอิสระที่ไปทำลาย ผนังเซลล์อื่นๆ จนนำไปสู่การทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
  3. เชื้อราแคนดิดา เป็นหนึ่งในเชื้อราที่รู้จักกันดีในมนุษย์ พบได้ในร่างกายตามปกติแต่ เมื่อมีความเครียด เหนื่อยล้า และพักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานด้อยประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ 

ศัตรูของระบบภูมิคุ้มกัน

    อวัยวะและเซลล์ทั้งหลายของระบบภูมิคุ้มกันต้องการสารอาหารบางประเภทเพื่อช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล สิ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น
  • อาหารที่ไม่มีคุณภาพ จะทำให้สารอาหารไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการ
  • ความเครียดสะสม
  • การสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์
  • คาเฟอีนที่มีปริมาณมากเกินไป
  • น้ำตาลเป็นสาเหตุเบื้องต้นของโรคเสื่อมต่างๆ
  • ยารักษาโรคที่กดหรือทำลายภูมิคุ้มกัน
  • สารปรุงแต่งอาหาร เช่น ผงชูรส สารกันบูด
  • ยาฆ่าแมลงที่ปะปนมากับอาหารที่ทานเข้าไป
  • มลพิษในอากาศ น้ำ ดิน
  • การขาดการออกกำลังกาย
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ

สัญญานภูมิคุ้มกันต่ำในร่างกาย

  • ​เป็นหวัดง่ายหรือติดเชื้อได้บ่อยครั้ง
  • ระบบการย่อยผิดปกติ
  • ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
  • อาการปวดตามข้อ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ผิวพรรณที่หมองคล้ำ
  • อาการภูมิแพ้
  • อาหารเป็นพิษ

การเลือกทานอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

      ในการรักษาเซลล์และอวัยวะสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงและอยู่ในภาวะสมดุล ควรเลือกทานอาหารอย่างถูกต้องและครบครันทั้งสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ เช่น
  • วิตามินซี : ระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดต้องอาศัยวิตามินซีในการทำงาน ผลไม้และผักส่วนใหญ่จะมีวิตามินซีสูง ควรทานเป็นประจำ
  • วิตามินเอ :  เป็นสารต้านไวรัสที่ทรงพลัง ช่วยบำรุงต่อมไทมัส พบได้ใน ตับ ผลิตภัณฑ์จากนม ปลาที่มีไขมันดีสูง น้ำมันตับปลา และเบต้าแคโรทีนในพืชผัก
  • วิตามินบี :  สำคัญต่อการทำงานของฟาโกไซต์ (เซลล์เม็ดเลือดขาว)  พบใน ข้าวกล้อง ธัญพืช
  • วิตามินอี :  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอานุภาพและช่วยกระตุ้นการผลิตแอนตีบอดี้
  • แคลเซียม :  ช่วยเซลล์ฟาโกไซต์ในการทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอม พบในผลิตภัณฑ์จากนม
  • ซีลีเนียม :  จำเป็นต่อการผลิตแอนตีบอดี้
  • ธาตุเหล็ก :  เสริมสร้างภูมิต้านทานโดยรวม
  • สังกะสี :  ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของทีเซลล์
  • แร่ธาตุต่างๆ ส่วนใหญ่พบใน เมล็ดพืช ถั่วเปลือกแข็ง และผักเขียว
  • โปรตีน สำคัญมากในการผลิตเซลล์ต่างๆ รวมทั้งแอนตีบอดี้และเอนไซม์ของระบบภูมิคุ้มกัน ควรทานอาหารที่มีโปรตีนสูงเป็นปริมาณมาก เช่น ถั่ว เมล็ดพืช เนื้อ และปลา
  • ใยอาหาร ที่พบได้ในเมล็ดข้าวต่างๆ ผลไม้ และผัก จำเป็นต่อระบบการย่อย ช่วยทำให้ลำไส้สะอาดป้องกันการสะสมของสารพิษ และช่วยป้องกันการแพร่พันธุ์ของแบคทีเรียที่อันตราย
  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนมีความสำคัญ กรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ช่วยลดอาการอักเสบและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยรวม จึงควรรับประทานถั่ว เมล็ดพืช และปลาที่มีไขมันดีมาก
  • ผักใบเขียว เช่น บล็อกโคลี่และกะกล่ำปลี มีสารต้านมะเร็งที่มีฤทธิ์สูง แตงโม เกรปฟรุตสีชมพู และมะเขือเทศ มีปริมาณไลโคพีนสูงเป็นสุดยอดสารอาหารต้านมะเร็งอีกชนิดหนึ่ง
  • ผลไม้จำพวกเบอรี่ เช่น สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ ราสเบอรี่ มัลเบอรี่ มีสารต้านการอักเสบแอนโทไซยานิน และกรดเอลลาจิกที่สามารถช่วยลดการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง

เอนไซม์กับการสร้างภูมิคุ้มกัน

​   ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอจะทำให้เป็นหวัดง่าย และจะต่อเนื่องได้ถึงการติดเชื้อไวรัส โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคความเสื่อมต่างๆ
    โรคหวัดเป็นการติดเชื้อเฉียบพลันและแพร่กระจายได้ง่าย โดยเชื้อไวรัสที่บริเวณทางเดินหายใจส่วนบน อย่างน้อย 20 ชนิดของ คนที่ทานเอนไซม์สม่ำเสมอจะไม่เป็นหวัด
     เชื้อจุลชีพที่อาศัยในลำไส้มีเชื้อแบคทีเรียกว่า 400 ชนิด ต้องควบคุมสุขภาพให้สมดุลจะได้ไม่มีเชื้อก่อโรคเกิดขึ้น โดยมีเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ความเครียดจากภายใน เป็นตัวควบคุม ถ้าภายในร่างกายขาดสมดุล ยีสต์จะครอบงำเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ เช่น เชื้อแคนดิดา อัลบิแคน เจริญเติบโตมากเกิน จะทำให้เกิดติดเชื้อ เช่น 
  • ระบบทางเดินอาหาร ทำให้การดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุไม่ดี ทำให้แพ้อาหาร ภูมิไวเกิน (ภูมิแพ้) คลื่นไส้ และท้องเสีย
  • ท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดปัสสาวะบ่อย เจ็บปวด ปวดแสบปวดร้อน บวม และมีกลิ่นเหม็น 
  • ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ ไซนัส และโพรงจมูกอักเสบ

การสร้างและป้องกันที่ดีที่สุด

  • การทานเอนไซม์เสริมจากภายนอกและลดการบริโภคน้ำตาล
  • น้ำตาลคือตัววายร้ายในร่างกาย ถ้าลดไม่ได้ก็ควรเพิ่มเอ็นไซม์ เพื่อเผาผลาญน้ำตาลไม่ให้เหลือตกค้างในร่างกาย ทำให้เป็นต้นเหตุของโรคเสื่อมเรื้อรังได้
  • ควรทาน..เอนไซม์โปรตีเอส ระหว่างมื้ออาหารเพื่อช่วยให้ร่างกายย่อยโปรตีนได้อย่างสมบูรณ์ เพราะในร่างกายมนุษย์จะมีเอนไซม์โปรติเอสน้อย
  • ทานผักและผลไม้สด และควรหลีกเลี่ยงน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมมากเกินไป
  • เลือกทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตไม่สูง ด้วยการอ่านฉลากโภชนาการ
  • การเติมเอนไซม์อะไมเลส จะลดการบวมและการอักเสบในร่างกาย 
  • การเติมเอนไซม์อะไมเลสพร้อมกับอาหารและเอนไซม์โปรตีเอสในปริมาณมาก จะช่วยลดอาการที่เกิดจากเชื้อราแคนดิดาและอาการเหนื่อยล้าเรื้อรังได้
  • ระบบย่อยอาหารที่ไม่สมบูรณ์ จะมีกากอาหารตกค้างจนบูดเน่า เป็นแหล่งอาหารที่ดีสำหรับจุลินทรีย์ตัวร้าย ทำให้เกิดก๊าชจำนวนมาก และตามมาด้วยอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • เอนไซม์โปรตีเอสที่เพียงพอ จะย่อยและทำลายล้างเชื้อโรคที่จู่โจมระบบภูมิคุ้มกันได้
  • ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคจะมีโปรตีนคลุมสปอร์ไว้ เอนไซม์โปรตีเอสจะย่อยโปรตีนนั้นออก จนเม็ดเลือดขาวตรวจเจอและทำลาย
  • การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่ง ต้องลดการบริโภค อาหาร และ น้ำ ที่ปนเปื้อนด้วยสารเคมีทางการเกษตร น้ำตาลที่ทำให้ตับอ่อน ไต และ ตับทำงานหนัก
  • ควรทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อเพิ่มไฟเบอร์ในร่างกายให้ช่วยขจัดสารพิษในร่างกาย     

การสร้างภูมิคุ้มกันอย่างง่ายๆ

     การออกกำลังกายวันละ 30 นาที/ครั้ง 3-5 วัน/สัปดาห์ จะกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลืองในเซลล์ภูมิคุ้มกันทั้งร่างกาย และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยนำออกซิเจนไปสู่อวัยวะต่างๆได้ดีขึ้น
  • การมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิตและการมีสังคมที่ดี มีกิจกรรมที่ได้พบปะและสังสรรค์  เช่น การเต้นรำ การร้องเพลง จะทำให้อารมณ์ดี ไม่เครียดและได้หัวเราะ เป็นการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ทำได้ง่าย
  • การนอนหลับอย่างเพียงพอก็เป็นเรื่องสำคัญ การรับแสงแดดก็เป็นเคล็ดลับในการกระตุ้นอารมณ์และภูมิคุ้มกัน โยคะ ชี่กง และการนั่งสมาธิสามารถลดความเครียด และช่วยผ่อนคลาย จึงมีส่วนช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันเช่นกัน
  • การเลือกทานเอนไซม์จากจุลินทรีย์โปรไบโอติค จากแหล่งผลิตในธรรมชาติที่สะอาดปลอดภัย และมีมาตรฐานการรับรองจากหน่่วยงานที่เกี่ยวข้อง
     โดยปกติมนุษย์มีระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่อย่างทรงประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรค หากภูมิคุ้มกันบกพร่อง ยาต้านจุลชีพที่ดีเลิศเพียงใด ก็อาจจะไม่สามารถรักษาชีวิตคนเราจากโรคติดเชื้อไว้ได้ เพราะการที่จะหายจากโรคติดเชื้อได้นั้น ภูมิคุ้มกันในร่างกายเป็นผู้ช่วยตัวสำคัญที่สุด
สนับสนุนโดย...แอนซิม่า (Anzima) เอนไซม์จากจุลินทรีย์โปรไบโอติค  
       "กุญแจไขความลับสู่สุขภาพที่ดี"

  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอนซิม่า เหมือนกันกับการเติมน้ำให้ชีวิตที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อให้เรียบเสมอกัน ช่วยในการชะลอวัย ทำให้ดูเป็นหนุ่มเป็นสาวกว่าอายุที่แท้จริง   ช่วยทำให้เซลล์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ   4 ประการ   คือ
·       กระบวนการย่อยสมบูรณ์ทั้งระบบ ทำให้เซลล์ได้รับอาหาร และออกซิเจนเต็มที่
·       ย่อยสลายสารพิษที่ตกค้าง ในเลือด และในอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะที่ ตับ และไต
·       ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา พร้อมเพิ่มคุณภาพภูมิต้านทานต้านเชื้อไวรัส
·       ต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำร้ายเซลล์

สนใจติดต่อ..
Call center : โทร. 088-536-2211 088-536-3322 088-536-4433 02-444-6544
ID line :  Enzyme.co.th

Follow LINE Official ID @jqk0152o : https://bit.ly/2KuayDT
Follow Fanpage Biowist.co.th : https://bit.ly/2w61GRN
Follow Instagram enzymebiowist : https://bit.ly/2Ig6qcm
สนใจสอบถาม/สั่งซื้อ
รายละเอียดเพิ่มเติม