มะเร็งและเบาหวาน...หายขาดได้
ว่ากันว่าหากค้นพบเหตุ ก็จะพบทางออกของปัญหาต่างๆ ได้ ปัญหาสุขภาพก็เช่นกัน แรกเริ่มเดิมทีตั้งแต่ลืมตาดูโลก พระเจ้าได้ให้ต้นทุนสุขภาพแก่มนุษย์เพื่อที่จะดำรงชีวิตในโลกมาสมบูรณ์อย่างเท่าเทียม นั่นคือ เอนไซม์ที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร และกำจัดของเสียในร่างกาย การตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี จะทำให้รู้ได้ว่า ร่างกายมีอะไรที่เพิ่มเติมมา หรือมีสิ่งใดที่ขาดควรเพิ่มเติมและบำรุงรักษาให้ถูกต้อง





จุลินทรีย์มีประโยชน์ สู่การบำบัดโรค ดร.วิสุทธิ์ จันทวิชญสุทธิ์ ผู้ค้นพบจุลินทรีย์กลุ่มไบโอติก กล่าวว่า ได้ค้นพบจุลินทรีย์กลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า “ไบโอวิสท์” ซึ่ง มีคุณสมบัติย่อยของเสียในธรรมชาติให้มีขนาดเล็กลง อีกทั้งยังช่วยกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ และเชื้อโรคที่เป็นอันตรายไปพร้อมๆ กัน ซึ่งการค้นพบนี้อยู่ในเขตป่าชายเลนคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อ 13 ปี ก่อน โดยบังเอิญ ทำให้พบว่าตะกอนน้ำโคลนที่ถูกน้ำทะเลพัดมานั้นสะอาดมาก ไม่มีสารพิษ หรือยาฆ่าแมลงทั้งๆ ที่พื้นที่ใกล้เคียงมีการใช้สารเคมีค่อนข้างมาก แต่สิ่งที่ค้นพบกลับเป็นจุลินทรีย์ที่ผลิตกรดแลคติก ซึ่งมีคุณสมบัติในการย่อยสลาย จึงทำให้ป่าชายเลนบริเวณนั้นมีโอโซนมาก และเป็นที่ซึ่งระบบนิเวศสมบูรณ์ที่สุด
นับจากการค้นพบนั้นจึงมีทำให้มีการพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของยาเพื่อรักษาโรคเรื่อยมา “เทคนิคการผลิตจะนำจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ 5 ชนิดในกลุ่มนี้ เพาะเลี้ยงให้อยู่รวมกันแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน (symbiosis) โดย ให้อาหารเลี้ยงเชื้อเป็นธัญพืช เช่น รำสกัด จมูกข้าวสาลี กากถั่วเหลืองและนมผง ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว หลังจากนั้น จึงนำไปทำแห้งโดยวิธี freeze dry เพื่อให้เชื้อหยุด การเจริญเติบโต อีกทั้งช่วยป้องกันสารอินทรีย์ต่างๆ ที่ผลิตขึ้นมา เช่น เอนไซม์ กรดอินทรีย์ ไวตามิน ไม่ให้ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพไป เหมือนการทำให้แห้งด้วยความร้อนสูงจึงทำให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพสูง ทำงานได้อย่างรวดเร็ว”
ดร.วิสุทธิ์ ยังบอกอีกว่า เอนไซม์กลุ่มไบโอวิสท์นั้น หากนำมาใช้กับคนจะช่วยในการย่อยอาหาร และรักษาโรคอันเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น โรคเกาต์ เบาเหวาน พากินสัน หรืออัลไซเมอร์ เหตุที่มีคนเป็นโรคเหล่านี้มากขึ้นก็เพราะอุปนิสัยการกินที่เกินความจำเป็น และไม่มีความสมดุลในแต่ละมื้อตามที่ร่างกายต้องการ
เมื่อมองย้อนไปที่ต้นเหตุของโรคพวกนี้มาจากอะไรก็จะพบอีกว่า ร่างกายของคนเราในปัจจุบันไม่สามารถที่จะเผาผลาญอาหารที่รับประทานเข้าไปได้ ไม่สมบูรณ์ จึงก่อให้เกิดการสะสม ทั้งน้ำตาล ไขมัน หรือทำให้เกิดกลิ่นตัว ซึ่งหลักการทำงานของเอนไซม์บำบัดนี้จะเข้าไปช่วยย่อยอาหาร และเติมเต็มเอนไซม์ให้กับร่างกายจากภายนอก
เมื่อกล่าวถึงเรื่องกลิ่น ตัวแล้ว หากสังเกตจะพบว่าเด็กวัยแรกเกิดถึงก่อนเป็นหนุ่มเป็นสาวจะไม่มี กลิ่นตัว นั่นเพราะว่าในเด็กเล็กนั้นยังมีกระบวนการย่อยที่สมบูรณ์อยู่ และมีเอนไซม์สูงมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว ระบบการเผาผลาญจึงรวดเร็ว และไม่มีการสะสมของแป้ง น้ำตาล หรือไขมัน เว้นแต่เด็กที่รับประทานโปรตีนมากจนเกินไป ซึ่งนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กกลุ่มนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่สุขภาพย่ำแย่ตามมา ยกเครื่องเซลล์ด้วยเอนไซม์สำเร็จรูป
นอกจากนี้ ในญี่ปุ่นจะมีเห็ดชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรคเบาหวาน บำรุงกระแสประสาท และมะเร็ง มาผลิตเอนไซม์เช่นเดียวกัน นั่นคือ เห็ดชิทาเกะ หรือเห็ดหัวลิง”


“ผลิตภัณฑ์ จุลินทรีย์ได้รับการรับรองว่า มีค่าความเป็นพิษต่ำไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และสัตว์เลี้ยง จากหลายหน่วยงาน อาทิ สถาบันวิจัยอาหารจากประเทศญี่ปุ่น,สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สถาบัน วว.) หน่วยบริการเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมเกษตร, คณะอุตสาหกรรมเกษตร, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์”
ดร.วิสุทธิ์ กล่าวยืนยัน การการันตีจากหลายสถาบันเป็นเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพของ เอนไซม์จากจุลินทรีย์ธรรมชาติ
ดร.วิสุทธิ์ แนะวิธีแก้ปัญหาสุขภาพของผู้ใหญ่ด้วยเอนไซม์สำเร็จรูปที่ผลิตจากจุลินทรีย์กลุ่มไบโอวิสท์ ช่วยในการย่อยอาหาร รักษาโรคภูมิแพ้ ไซนัส ระบบทางเดินอาหาร บำบัดอาการเบาหวาน เกาต์ sle เรื้อนกวาง และสะเก็ดเงิน และบำบัด โรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค เช่น มะเร็ง อัลไซเมอร์ พากินสัน ความดัน และบำรุงกระแสประสาท โดยการทำงานของเอนไซม์อัดเม็ดนี้จะเริ่มตั้งแต่แตกตัวในปากเข้าไปบูรณาการ เซลล์ให้กลับมามีชีวิตและทำงานได้สมบูรณ์อีกครั้ง
เอนไซม์กับโรคเสื่อมเรื้อรังเอนไซม์กับโรคต่างๆ
โรคมะเร็ง: เซลล์มะเร็งไวต่อเอนไซม์โปรตีเอสมากกว่าเซลล์ปกติ เอนไซม์โปรตีเอสไม่ย่อยสิ่งมีชีวิตที่ปกติหรือที่มีความสมดุล (homeostesis) เพราะธรรมชาติสร้างตัวห้าม (inhibitor)ไว้ โปรตีเอสจะย่อยเปลือกหุ้มเซลล์มะเร็งซึ่งเป็นโปรตีน ถ้าทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้มแข็ง ก็เข้าถึงและกำจัดเซลล์มะเร็งได้ การที่เปลือกหุ้มเซลล์มะเร็งถูกทำลายจนเสื่อมคุณภาพ ทำให้เซลล์มะเร็งลดความสามารถที่จะกระจายออกไป (metastasis) ไม่ลามไปเกาะติดกับอวัยวะอื่นๆที่ยังดีอยู่ เพราะผิวมะเร็งเสื่อมความสามารถ การกระจายของมะเร็ง อาจชะลอลงได้
วิธีการทาน : 4 แคปซูล 4 เวลา ก่อนอาหารและก่อนนอน ติดต่อกันอย่างน้อย 60 วัน เพื่อลดจำนวนเซลส์มะเร็ง (เมื่อ เริ่มรับประทานแล้ว ควรรับประทานต่อเนื่องจนกว่าเซลส์มะเร็งลดจำนวนลง สามารถรับประทานควบคู่ไปกับยาสั่งจากแพทย์)
ความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดตีบ: ผู้ที่มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ มักมีระดับเอนไซม์ไลเปสในเลือดต่ำกว่าปกติ (low enzyme level) โดย เฉพาะโรคระบบหมุนเวียนเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดตีบตัน ฯลฯ เอนไซม์ไลเปสมีหน้าที่ย่อยไขมันภายในลำไส้ในฐานะเอนไซม์ย่อยอาหาร แล้วยังย่อยไขมันทั้งร่างกายในรูปของเมตาบอลิค เอนไซม์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระแสโลหิต จะไปย่อยไขมันที่เกาะตามผนัง หลอดเลือด ไขมันที่ย่อยไม่สมบูรณ์จากลำไส้เล็กเพราะ ไลเปสบกพร่อง อาจถูกดูดซึมเข้ามาในกระแสโลหิต ซึ่งเป็นไขมันที่ด้อยคุณภาพก่อให้เกิดโรคได้เมื่อร่างกายนำเอาไปใช้
เมื่อทาน 4 แคปซูล 4 เวลา ก่อนอาหารและก่อนนอน ติดต่อกันอย่างน้อย 60 วัน แล้วจึงลดลง 3 แคปซูล 3 เวลา
อาการข้ออักเสบ: ถ้ามีโปรตีนต่ำในเลือด (protein deficiency) ร่างกายเกิดอาการขาดแคลเซี่ยมร่วมด้วย (calcium deficiency) เพราะแคลเซียมต้องอาศัยเกาะติดโปรตีนเมื่ออยู่ในเลือด เมื่อร่างกายขาดแคลเซียมจึงมีอาการข้ออักเสบ (arthritis) ตามมาด้วยโรคกระดูกพรุน (osteoporosis), หมอนรองกระดูกเสื่อม (degenerative disc problem) ฯลฯ การขาดโปรตีนในเลือดทำให้เกิดอาการบวมทั้งตัว (edema) โปรตีนที่ย่อยไม่สมบูรณ์ มีกากอาหารไม่ย่อยไปสะสมบริเวณลำไส้ใหญ่ เป็นสาเหตุของการเกิดสารพิษ ลำไส้ใหญ่อักเสบ (mucous colitis) ไส้ติ่งอักเสบ (appendicitis) และอาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ (colon cancer)
ผล การขาดโปรตีเอสที่กระทบโดยตรงคือ ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ เกิดการอักเสบได้ง่าย เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ทั้งหลายเป็นโปรตีนหรือบางชนิดก็มีโปรตีนเป็นตัว หุ้ม และโปรตีเอสสามารถย่อยเยื่อหุ้มที่เป็นโปรตีนให้แตกออก เพื่อให้ระบบภูมิต้านทานเข้าถึงตัวและทำลายเชื้อจุลินทรีย์ได้โดยง่าย
ผลพลอยได้อื่นๆ : เอนไซม์เป็นหลักของระบบต้านทานโรค เพราะในร่างกายมีเอนไซม์ ต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น ซูเปอร์ออกไซด์ ดีสมิวเตส (superoxide dismutase), กลูตาไธโอน เปอร์ออกซิเดส (glutathione peroxi dase), คาทาเลส (catalase) ฯลฯ ทำหน้าที่เสาะหาและทำลายอนุมูลอิสระ (free radical)
วิธีการทาน : 4 แคปซูล 4 เวลา ก่อนอาหารและก่อนนอน ติดต่อกันอย่างน้อย 60 วัน เพื่อลดจำนวนเซลส์มะเร็ง (เมื่อ เริ่มรับประทานแล้ว ควรรับประทานต่อเนื่องจนกว่าเซลส์มะเร็งลดจำนวนลง สามารถรับประทานควบคู่ไปกับยาสั่งจากแพทย์)
ความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดตีบ: ผู้ที่มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ มักมีระดับเอนไซม์ไลเปสในเลือดต่ำกว่าปกติ (low enzyme level) โดย เฉพาะโรคระบบหมุนเวียนเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดตีบตัน ฯลฯ เอนไซม์ไลเปสมีหน้าที่ย่อยไขมันภายในลำไส้ในฐานะเอนไซม์ย่อยอาหาร แล้วยังย่อยไขมันทั้งร่างกายในรูปของเมตาบอลิค เอนไซม์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระแสโลหิต จะไปย่อยไขมันที่เกาะตามผนัง หลอดเลือด ไขมันที่ย่อยไม่สมบูรณ์จากลำไส้เล็กเพราะ ไลเปสบกพร่อง อาจถูกดูดซึมเข้ามาในกระแสโลหิต ซึ่งเป็นไขมันที่ด้อยคุณภาพก่อให้เกิดโรคได้เมื่อร่างกายนำเอาไปใช้
เมื่อทาน 4 แคปซูล 4 เวลา ก่อนอาหารและก่อนนอน ติดต่อกันอย่างน้อย 60 วัน แล้วจึงลดลง 3 แคปซูล 3 เวลา
อาการข้ออักเสบ: ถ้ามีโปรตีนต่ำในเลือด (protein deficiency) ร่างกายเกิดอาการขาดแคลเซี่ยมร่วมด้วย (calcium deficiency) เพราะแคลเซียมต้องอาศัยเกาะติดโปรตีนเมื่ออยู่ในเลือด เมื่อร่างกายขาดแคลเซียมจึงมีอาการข้ออักเสบ (arthritis) ตามมาด้วยโรคกระดูกพรุน (osteoporosis), หมอนรองกระดูกเสื่อม (degenerative disc problem) ฯลฯ การขาดโปรตีนในเลือดทำให้เกิดอาการบวมทั้งตัว (edema) โปรตีนที่ย่อยไม่สมบูรณ์ มีกากอาหารไม่ย่อยไปสะสมบริเวณลำไส้ใหญ่ เป็นสาเหตุของการเกิดสารพิษ ลำไส้ใหญ่อักเสบ (mucous colitis) ไส้ติ่งอักเสบ (appendicitis) และอาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ (colon cancer)
ผล การขาดโปรตีเอสที่กระทบโดยตรงคือ ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ เกิดการอักเสบได้ง่าย เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ทั้งหลายเป็นโปรตีนหรือบางชนิดก็มีโปรตีนเป็นตัว หุ้ม และโปรตีเอสสามารถย่อยเยื่อหุ้มที่เป็นโปรตีนให้แตกออก เพื่อให้ระบบภูมิต้านทานเข้าถึงตัวและทำลายเชื้อจุลินทรีย์ได้โดยง่าย
ผลพลอยได้อื่นๆ : เอนไซม์เป็นหลักของระบบต้านทานโรค เพราะในร่างกายมีเอนไซม์ ต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น ซูเปอร์ออกไซด์ ดีสมิวเตส (superoxide dismutase), กลูตาไธโอน เปอร์ออกซิเดส (glutathione peroxi dase), คาทาเลส (catalase) ฯลฯ ทำหน้าที่เสาะหาและทำลายอนุมูลอิสระ (free radical)

ฝี: เอนไซม์อไมเลสย่อย แป้ง ข้าว ให้เป็นสารประกอบเชิงเดี่ยว เช่น น้ำตาลกลูโคส (glucose) และเอนไซม์ยังย่อยเม็ดโลหิตขาวที่ตาย (หนอง pus) ให้หมดไป ถ้าร่างกายขาดอไมเลส จะเกิดเป็นฝี(abscess) บ่อยๆ ผู้ป่วยที่ปวดฟันโอกาสเกิดเหงือกเป็นหนองง่ายมาก การที่กินของหวานจัดๆร่างกายต้องใช้อไมเลสมากจนผลิตไม่ทัน จึงทำให้เป็นฝีง่ายเพราะ อไมเลสมีไม่พอเพียงในร่างกายที่จะย่อยเม็ดเลือดขาวที่ตาย ซึ่งนอกจากหนองหรือฝีจะเป็นที่เหงือกบ่อย ซึ่งเป็นตัวทำลายให้เซลล์เสื่อม โดยไปโจมตีผนังเยื่อหุ้มเซลล์ และดีเอ็นเอ (dna) ซึ่ง อยู่ภายในเซลล์ให้ผิด เพี้ยนจนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่จะเริ่มรับประทานอาหารเสริม เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของการบรรเทาปัญหาสุขภาพ
ผู้ที่รับประทานยาประจำที่แพทย์สั่ง ให้ รับประทานต่อไปไม่ต้องหยุด โดยรับประทานในช่วงเวลาที่ไม่รับยาแพทย์ หากยาที่แพทย์สั่งเป็นยาก่อนและหลังอาหาร สามารถรับประทานอาหารเสริม ก่อนหรือหลังยาที่รับประทานประจำ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงหรือตอนท้องว่าง สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ ผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ สามารถ รับประทานเป็นอาหารเสริมได้ ครั้งละ 1 แคปซูล ก่อนอาหาร และก่อนนอน
ผู้ที่รับประทานยาประจำที่แพทย์สั่ง ให้ รับประทานต่อไปไม่ต้องหยุด โดยรับประทานในช่วงเวลาที่ไม่รับยาแพทย์ หากยาที่แพทย์สั่งเป็นยาก่อนและหลังอาหาร สามารถรับประทานอาหารเสริม ก่อนหรือหลังยาที่รับประทานประจำ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงหรือตอนท้องว่าง สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ ผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ สามารถ รับประทานเป็นอาหารเสริมได้ ครั้งละ 1 แคปซูล ก่อนอาหาร และก่อนนอน
จากกรณีศึกษา...ที่ใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม “แอนซิม่า” โดยผลการยืนยันจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติว่า เซลล์มะเร็งได้ลดน้อยลงจากเดิม เมื่อผู้ป่วยรับประทานอาหารเสริมตามขนาดและต่อเนื่อง จากผู้ป่วยที่ต้องทำเคมีบำบัดปัจจุบันใช้ชีวิตปกติและร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี แต่เนื่องจากเป็นกรณีศึกษา....จึงไม่สามารถนำเสนอเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ ทั้งชื่อผู้ป่วยและนายแพทย์ที่ทำการรักษา
การวิจัยและพัฒนา
ปัจจุบันบริษัทฯมีงานวิจัยในส่วนที่เป็นการวิจัยประยุกต์ร่วมกับภาควิชาสิ่งแวดล้อมคณะวิศวกรรมและ
เทคโนโลยีการเกษตร ศูนย์กลางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
โดยมีทิศทางการวิจัยที่นำไปสู่การพึ่งตนเองที่สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางการวิจัยของชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ.2545-2549)
คุณสมบัติและลักษณะพื้นฐานโดยทั่วไปของผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์ ต้นแบบที่ผลิตขึ้นมาอยู่ในรูปของผง
ที่ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์บริสุทธิ์หลัก 7 ชนิด ที่ประกอบไปด้วย
Lactic Acid Bacteria(LAB) 3 ชนิด Bacillus Bacteria 1 ชนิด และ
ยีสต์ 3 ชนิด คือ
1. Pediococcus acidilactici (LAB) 3.0 x 10 7 cfu/g
2. Pediococcus pentosaceus (LAB) 4.0 x 10 6 cfu/g
3. Leuconostoc mesenteriodes (LAB) 4.0 x 10 6 cfu/g
4. Bacillus amyloliquefaciens 6.0 x 10 6 cfu/g
5. Pichia farinosa 5.0 x 10 6 cfu/g
6. Dekkera anomala 3.0 x 10 6 cfu/g
7. Dekkera bruxellensis 3.0 x 10 6 cfu/g
เทคนิคการผลิต
จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ทั้ง 7 ชนิดดังกล่าวนี้อยู่รวมกันแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน(Symbiosis) โดยมีธัญพืชที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตหลายชนิด เช่น แป้งข้าว รำสกัด จมูกข้าวสาลีกากถั่วเหลือง และหางนมผง เป็นอาหารเลี้ยงเชื้อ ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อ
ก่อนนำไปเลี้ยงเชื้อ จนได้ปริมาณและความเข้มข้นที่ต้องการ หลังจากนั้นจึงนำไปทำแห้ง โดยวิธี Freeze Dry เพื่อให้เชื้อหยุดการเจริญเติบโต อีกทั้งช่วยป้องกันสารอินทรีย์ต่างๆที่ผลิตขึ้นมา เช่น เอ็นไซม์ กรดอินทรีย์ไวตามินไม่ให้ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพไปเหมือนการทำให้แห้งด้วยความร้อนสูง จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆของทางบริษัทฯ ที่มีจุลินทรีย์กลุ่มไบโอติกเป็นส่วนประกอบ
ได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพของผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพสูงในเรื่องของการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆทั้งในเรื่องของการบริโภคและอุปโภค
คุณสมบัติพื้นฐาน
1. ลักษณะทางกายภาพ : เป็นผงสีน้ำตาลอ่อน
ประกอบด้วยเซลแห้งที่มีชีวิต เจริญอยู่บนอาหารเลี้ยงเชื้อ ที่มีขนาดสม่ำเสมอ เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 100 เม็ท
2. ขนาดของจุลินทรีย์ :มีขนาดเล็กมากไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
2.1 กลุ่มแบคทีเรีย LAB ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 – 50 ไมครอน
2.2 กลุ่มแบคทีเรีย Bacillus ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 – 80ไมครอน
2.3 กลุ่มยีสต์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 250 – 400 ไมครอน
3. ช่วงอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้ : 0 ถึง 65 องศาเซลเซียส
4. ช่วงความเค็มที่สามารถทนได้ : 0 - 65 ppt.
5. ช่วงความเป็นกรดด่างที่สามารถทำงานได้ : pH 1.5 – 9.6
6. สามารถทนยาฆ่าเชื้อได้ : 30 ppm
7. สามารถทนโลหะหนัก (คอปเปอร์) ได้ : 5 ppm
ปัจจุบันบริษัทฯมีงานวิจัยในส่วนที่เป็นการวิจัยประยุกต์ร่วมกับภาควิชาสิ่งแวดล้อมคณะวิศวกรรมและ
เทคโนโลยีการเกษตร ศูนย์กลางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
โดยมีทิศทางการวิจัยที่นำไปสู่การพึ่งตนเองที่สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางการวิจัยของชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ.2545-2549)
คุณสมบัติและลักษณะพื้นฐานโดยทั่วไปของผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์ ต้นแบบที่ผลิตขึ้นมาอยู่ในรูปของผง
ที่ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์บริสุทธิ์หลัก 7 ชนิด ที่ประกอบไปด้วย
Lactic Acid Bacteria(LAB) 3 ชนิด Bacillus Bacteria 1 ชนิด และ
ยีสต์ 3 ชนิด คือ
1. Pediococcus acidilactici (LAB) 3.0 x 10 7 cfu/g
2. Pediococcus pentosaceus (LAB) 4.0 x 10 6 cfu/g
3. Leuconostoc mesenteriodes (LAB) 4.0 x 10 6 cfu/g
4. Bacillus amyloliquefaciens 6.0 x 10 6 cfu/g
5. Pichia farinosa 5.0 x 10 6 cfu/g
6. Dekkera anomala 3.0 x 10 6 cfu/g
7. Dekkera bruxellensis 3.0 x 10 6 cfu/g
เทคนิคการผลิต
จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ทั้ง 7 ชนิดดังกล่าวนี้อยู่รวมกันแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน(Symbiosis) โดยมีธัญพืชที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตหลายชนิด เช่น แป้งข้าว รำสกัด จมูกข้าวสาลีกากถั่วเหลือง และหางนมผง เป็นอาหารเลี้ยงเชื้อ ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อ
ก่อนนำไปเลี้ยงเชื้อ จนได้ปริมาณและความเข้มข้นที่ต้องการ หลังจากนั้นจึงนำไปทำแห้ง โดยวิธี Freeze Dry เพื่อให้เชื้อหยุดการเจริญเติบโต อีกทั้งช่วยป้องกันสารอินทรีย์ต่างๆที่ผลิตขึ้นมา เช่น เอ็นไซม์ กรดอินทรีย์ไวตามินไม่ให้ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพไปเหมือนการทำให้แห้งด้วยความร้อนสูง จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆของทางบริษัทฯ ที่มีจุลินทรีย์กลุ่มไบโอติกเป็นส่วนประกอบ
ได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพของผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพสูงในเรื่องของการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆทั้งในเรื่องของการบริโภคและอุปโภค
คุณสมบัติพื้นฐาน
1. ลักษณะทางกายภาพ : เป็นผงสีน้ำตาลอ่อน
ประกอบด้วยเซลแห้งที่มีชีวิต เจริญอยู่บนอาหารเลี้ยงเชื้อ ที่มีขนาดสม่ำเสมอ เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 100 เม็ท
2. ขนาดของจุลินทรีย์ :มีขนาดเล็กมากไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
2.1 กลุ่มแบคทีเรีย LAB ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 – 50 ไมครอน
2.2 กลุ่มแบคทีเรีย Bacillus ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 – 80ไมครอน
2.3 กลุ่มยีสต์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 250 – 400 ไมครอน
3. ช่วงอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้ : 0 ถึง 65 องศาเซลเซียส
4. ช่วงความเค็มที่สามารถทนได้ : 0 - 65 ppt.
5. ช่วงความเป็นกรดด่างที่สามารถทำงานได้ : pH 1.5 – 9.6
6. สามารถทนยาฆ่าเชื้อได้ : 30 ppm
7. สามารถทนโลหะหนัก (คอปเปอร์) ได้ : 5 ppm
สนับสนุนโดย..."แอนซิม่า"..ต้นฉบับปรับสมดุลสุขภาพ..ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์และความปลอดภัยสูง ประกอบด้วยเอนไซน์จากขบวนการสังเคราะห์ของจุลชีพที่เป็นประโยชน์หลายชนิด บรรจุอยู่ในส่วนผสมของรำข้าวสกัด จมูกข้าวสาลี นมผงพร่องมันเนย โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง และจุลินทรีย์บริสุทธิ์ 5 ชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การ ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอนซิม่า เหมือนกันกับการเติมน้ำให้ชีวิตที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อให้เรียบเสมอกัน ช่วยในการชะลอวัย ทำให้ดูเป็นหนุ่มเป็นสาวกว่าอายุที่แท้จริง ช่วยทำให้เซลล์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ 4 ประการ คือ
· กระบวนการย่อยสมบูรณ์ทั้งระบบ ทำให้เซลล์ได้รับอาหาร และออกซิเจนเต็มที่
· ย่อยสลายสารพิษที่ตกค้าง ในเลือด และในอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะที่ ตับ และไต
· ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา พร้อมเพิ่มคุณภาพภูมิต้านทานต้านเชื้อไวรัส
· ต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำร้ายเซลล์
Call center : โทร. 088-536-2211 088-536-3322 088-536-4433 02-444-6544
ID line : Enzyme.co.th
Follow LINE Official ID @jqk0152o : https://bit.ly/2KuayDT
Follow Fanpage Biowist.co.th : https://bit.ly/2w61GRN
Follow Instagram enzymebiowist : https://bit.ly/2Ig6qcm
· กระบวนการย่อยสมบูรณ์ทั้งระบบ ทำให้เซลล์ได้รับอาหาร และออกซิเจนเต็มที่
· ย่อยสลายสารพิษที่ตกค้าง ในเลือด และในอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะที่ ตับ และไต
· ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา พร้อมเพิ่มคุณภาพภูมิต้านทานต้านเชื้อไวรัส
· ต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำร้ายเซลล์
Call center : โทร. 088-536-2211 088-536-3322 088-536-4433 02-444-6544
ID line : Enzyme.co.th
Follow LINE Official ID @jqk0152o : https://bit.ly/2KuayDT
Follow Fanpage Biowist.co.th : https://bit.ly/2w61GRN
Follow Instagram enzymebiowist : https://bit.ly/2Ig6qcm
สอบถาม/สั่งซื้อสินค้า
|