โรคไวรัสตับอักเสบ
ตับ( Liver ) เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในช่องท้อง มีหน้าที่สำคัญในการสร้างน้ำดีเพื่อช่วยย่อยอาหาร, กรองและกำจัดสารพิษ, เป็นแหล่งสะสมธาตุเหล็ก วิตามินและเกลือแร่, สร้างสารที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด, เป็นแหล่งสะสมพลังงานโดยเก็บในรูปของน้ำตาล และสร้างสารที่เป็นส่วนประกอบของโปรตีน
สาเหตุการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
มีสาเหตุมาจากไวรัสหลายชนิดคือ เอ บี ซี ดี อี ไวรัสกลุ่มนี้ชอบอาศัยอยู่ในเซลล์ตับ ทำให้เกิดตับอักเสบ เซลล์ตับถูกทำลาย เมื่อตับถูกทำลายมากจะกลายเป็นเนื้อเยื่อพังผืดและอาจกลายเป็นตับแข็งหรือกลายเป็นมะเร็งตับในที่สุด ไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิด เช่น
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดเอ เชื้อจะอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วย จึงอาจปนเปื้อนอยู่ในอาหารที่ไม่สะอาด อาหารสุกๆ ดิบๆ ผักสดที่ล้างไม่สะอาด ดังนั้นกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอสูงคือ กลุ่มที่มีสุขอนามัยหรือการสุขาภิบาลไม่ดี ผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัด
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดบี เป็นไวรัสที่เป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 9 ของโลก เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดตับอักเสบเรื้อรัง เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีมีผนังหุ้มตัวเอง ตายยาก สามารถหลบอยู่ในเซลล์ของตับ ดื้อยา ในอากาศภายนอกมีชีวิตอยู่ได้เป็นเดือน อยู่ในตู้เย็นได้เป็นปี ผู้ได้รับเชื้อเพียงเล็กน้อยก็มีโอกาสเป็นโรค (มีโอกาสกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังร้อยละ 10)
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดซี ระบาดมากในอเมริกา แต่ในระยะ 10 ปีนี้พบในประเทศไทยมากขึ้น ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบซีมักไม่ค่อยมีอาการ ส่วนใหญ่พบจากการตรวจสุขภาพทั่วไป จึงนับเป็นภัยเงียบ ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบซีสามารถกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังถึงร้อยละ 85
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดดี จะไม่เกิดเองตัวเดียวโดดๆ จะเกิดร่วมกับไวรัสตับอักเสบชนิดบี ผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบชนิดบีอยู่แล้ว เมื่อเกิดไวรัสตับอักเสบดีร่วมอาการจะรุนแรงขึ้น
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดอี มีลักษณะคล้ายไวรัสตับอักเสบชนิดเอ แต่รุนแรงน้อยกว่าและหายเร็วกว่า แต่ถ้าพบในหญิงตั้งครรภ์อาการจะรุนแรงและอันตรายโดยเฉพาะในระยะ 3 เดือนท้ายก่อนคลอด
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดเอ เชื้อจะอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วย จึงอาจปนเปื้อนอยู่ในอาหารที่ไม่สะอาด อาหารสุกๆ ดิบๆ ผักสดที่ล้างไม่สะอาด ดังนั้นกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอสูงคือ กลุ่มที่มีสุขอนามัยหรือการสุขาภิบาลไม่ดี ผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัด
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดบี เป็นไวรัสที่เป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 9 ของโลก เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดตับอักเสบเรื้อรัง เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีมีผนังหุ้มตัวเอง ตายยาก สามารถหลบอยู่ในเซลล์ของตับ ดื้อยา ในอากาศภายนอกมีชีวิตอยู่ได้เป็นเดือน อยู่ในตู้เย็นได้เป็นปี ผู้ได้รับเชื้อเพียงเล็กน้อยก็มีโอกาสเป็นโรค (มีโอกาสกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังร้อยละ 10)
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดซี ระบาดมากในอเมริกา แต่ในระยะ 10 ปีนี้พบในประเทศไทยมากขึ้น ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบซีมักไม่ค่อยมีอาการ ส่วนใหญ่พบจากการตรวจสุขภาพทั่วไป จึงนับเป็นภัยเงียบ ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบซีสามารถกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังถึงร้อยละ 85
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดดี จะไม่เกิดเองตัวเดียวโดดๆ จะเกิดร่วมกับไวรัสตับอักเสบชนิดบี ผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบชนิดบีอยู่แล้ว เมื่อเกิดไวรัสตับอักเสบดีร่วมอาการจะรุนแรงขึ้น
+ ไวรัสตับอักเสบชนิดอี มีลักษณะคล้ายไวรัสตับอักเสบชนิดเอ แต่รุนแรงน้อยกว่าและหายเร็วกว่า แต่ถ้าพบในหญิงตั้งครรภ์อาการจะรุนแรงและอันตรายโดยเฉพาะในระยะ 3 เดือนท้ายก่อนคลอด
อาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
จะมีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามร่างกาย มีไข้ แน่นท้อง ปัสสาวะสีเข้ม ถ่ายอุจจาระเหลว ปวดบริเวณชายโครงขวา อาการเหล่านี้จะมีอยู่ 4 – 15 วัน หลังจากที่ได้รับเชื้อไปแล้วประมาณ 45 - 90 วัน ในบางรายอาจจะยาวไปถึง 180 วัน หลังจากเริ่มมีอาการไป 1 - 4 สัปดาห์อาการตัวเหลืองก็จะหายไปหรืออาจถึง 6 สัปดาห์จึงจะสามารถไปทำงานได้ตามปรกติ โรคนี้รักษาไม่หายขาด แต่สามารถกินยาควบคุมเชื้อไวรัสได้
สิ่งที่ต้องระมัดระวัง
+ ผู้ป่วยมักจะเป็นพาหะนำโรคแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นได้ โดยไม่มีอาการป่วยแสดงออกมา
+ กว่า 90% ของผู้ป่วยมักจะหายขาดจากอาการภายใน 10 สัปดาห์ และการทำงานของตับก็จะเข้าสู่ปรกติและมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ แต่ผู้ป่วยที่เคยหายจากโรคนี้จะยังเป็นพาหะอยู่
+ ส่วนอีก 5 - 10% ที่ไม่หายขาดได้เอง จะมีอาการตับอักเสบเรื้อรังเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนและยังคงตรวจพบเชื้ออยู่ตลอด โดยจะมีอาการอักเสบเป็นระยะๆ ในบางรายจะมีอาการตับแข็งและมะเร็งตับแสดงให้รู้ได้
+ บางคนอาจไม่มีอาการแต่เป็นพาหะได้ ทำให้สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นก่อนแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ก็ควรตรวจโรคนี้ก่อน
สิ่งที่ต้องระมัดระวัง
+ ผู้ป่วยมักจะเป็นพาหะนำโรคแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นได้ โดยไม่มีอาการป่วยแสดงออกมา
+ กว่า 90% ของผู้ป่วยมักจะหายขาดจากอาการภายใน 10 สัปดาห์ และการทำงานของตับก็จะเข้าสู่ปรกติและมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ แต่ผู้ป่วยที่เคยหายจากโรคนี้จะยังเป็นพาหะอยู่
+ ส่วนอีก 5 - 10% ที่ไม่หายขาดได้เอง จะมีอาการตับอักเสบเรื้อรังเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนและยังคงตรวจพบเชื้ออยู่ตลอด โดยจะมีอาการอักเสบเป็นระยะๆ ในบางรายจะมีอาการตับแข็งและมะเร็งตับแสดงให้รู้ได้
+ บางคนอาจไม่มีอาการแต่เป็นพาหะได้ ทำให้สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นก่อนแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ก็ควรตรวจโรคนี้ก่อน
ข้อควรรู้ : เกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบี
+ สามารถติดต่อได้ทาง เลือด น้ำเชื้อ น้ำเหลือง หรือน้ำหลั่งอื่นๆ ในร่างกาย สามารถได้รับเชื้อโดยวิธีต่างๆดังนี้
+ มีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้ออยู่ในร่างกาย โดยไม่สวมถุงยาง แต่การจูบกันถ้าไม่มีแผลในปากก็จะไม่เกิดการติดต่อ
+ ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
+ ใช้เข็มสำหรับสักตามตัว หรือการเจาะหูร่วมกับคนที่คิดเชื้อ
+ ใช้แปรงสีฟัน ใบมีดโกน ที่ตัดเล็บร่วมกัน
+ แม่มีเชื้อสามารถติดต่อไปสู่ลูกได้ขณะคลอด และขณะให้นมลูก
+ เข็มตำขณะทำงาน
+ รักร่วมเพศกับผู้มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
+ สัมผัสกับของเหลวต่างๆ จากร่างกายของผู้มีเชื้อ
+ รับเชื้อจากสภาพแวดล้อม เพราะเชื้อสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆ นานเท่าไหร่ก็ได้
+ มีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้ออยู่ในร่างกาย โดยไม่สวมถุงยาง แต่การจูบกันถ้าไม่มีแผลในปากก็จะไม่เกิดการติดต่อ
+ ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
+ ใช้เข็มสำหรับสักตามตัว หรือการเจาะหูร่วมกับคนที่คิดเชื้อ
+ ใช้แปรงสีฟัน ใบมีดโกน ที่ตัดเล็บร่วมกัน
+ แม่มีเชื้อสามารถติดต่อไปสู่ลูกได้ขณะคลอด และขณะให้นมลูก
+ เข็มตำขณะทำงาน
+ รักร่วมเพศกับผู้มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
+ สัมผัสกับของเหลวต่างๆ จากร่างกายของผู้มีเชื้อ
+ รับเชื้อจากสภาพแวดล้อม เพราะเชื้อสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆ นานเท่าไหร่ก็ได้
วิธีการดูแลและป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
โรคไวรัสตับอักเสบบี เมื่อเป็นการอักเสบเฉียบพลัน มักไม่รุนแรง แต่ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น ผู้สูงอายุหรือเด็ก โรคอาจรุนแรง เซลล์ตับอาจถูกทำลายมากจนเกิดตับวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตได้ แต่ในโรคอักเสบเรื้อรังจัดเป็นโรครุนแรง เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับ ซึ่งมีความรุนแรงสูง
1. ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะกับต่างเพศหรือรักร่วมเพศ ช่วยให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิด
2. ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
3. ไม่สัก ฝังเข็ม หรือเจาะ โดยใช้เข็มหรือหมึกร่วมกัน
3. ไม่ใช้แปรงสีฟันและใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น มีดโกนหนวด มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ
4. ยึดหลัก กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำต้มสุก รับประทานอาหารปรุงสุกด้วยความร้อน โดยเชื้อไวรัสตับอักเสบจะตายที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส
5. ขับถ่ายอุจจาระลงส้วม ไม่ถ่ายอุจจาระลงน้ำ ไม่แพร่กระจายเชื้อโรคในสิ่งแวดล้อม
6. ฉีดวัคซีนป้องกันให้ครบตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง และควรฉีดเมื่ออายุยังน้อยๆ เพื่อป้องกันก่อนได้รับเชื้อ โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด
7. งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสารพิษในบุหรี่และแอลกอฮอล์ จะไปทำลายเซลล์ตับโดยตรง
คำแนะนำเหล่านี้หากปฏิบัติได้ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรค ที่สำคัญต้องหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ โดยสามารถใช้เทคนิคง่ายๆ จาก สสส.แค่แกว่งแขนวันละ 30 นาที ลดพุงลดโรค เพียงเท่านี้ไวรัสตับอักเสบบี ก็ไม่ใช่โรคที่น่ากลัวอีกต่อไป
1. ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะกับต่างเพศหรือรักร่วมเพศ ช่วยให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิด
2. ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
3. ไม่สัก ฝังเข็ม หรือเจาะ โดยใช้เข็มหรือหมึกร่วมกัน
3. ไม่ใช้แปรงสีฟันและใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น มีดโกนหนวด มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ
4. ยึดหลัก กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำต้มสุก รับประทานอาหารปรุงสุกด้วยความร้อน โดยเชื้อไวรัสตับอักเสบจะตายที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส
5. ขับถ่ายอุจจาระลงส้วม ไม่ถ่ายอุจจาระลงน้ำ ไม่แพร่กระจายเชื้อโรคในสิ่งแวดล้อม
6. ฉีดวัคซีนป้องกันให้ครบตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง และควรฉีดเมื่ออายุยังน้อยๆ เพื่อป้องกันก่อนได้รับเชื้อ โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด
7. งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสารพิษในบุหรี่และแอลกอฮอล์ จะไปทำลายเซลล์ตับโดยตรง
คำแนะนำเหล่านี้หากปฏิบัติได้ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรค ที่สำคัญต้องหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ โดยสามารถใช้เทคนิคง่ายๆ จาก สสส.แค่แกว่งแขนวันละ 30 นาที ลดพุงลดโรค เพียงเท่านี้ไวรัสตับอักเสบบี ก็ไม่ใช่โรคที่น่ากลัวอีกต่อไป
ประสบการณ์ผู้ใช้ :
แอนซิม่า (Anzima) เอนไซม์จากจุลินทรีย์โปรไบโอติค "กุญแจไขความลับสู่สุขภาพที่ดี"
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอนซิม่า เหมือนกันกับการเติมน้ำให้ชีวิตที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อให้เรียบเสมอกัน ช่วยในการชะลอวัย ทำให้ดูเป็นหนุ่มเป็นสาวกว่าอายุที่แท้จริง ช่วยทำให้เซลล์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ 4 ประการ คือ
· กระบวนการย่อยสมบูรณ์ทั้งระบบ ทำให้เซลล์ได้รับอาหาร และออกซิเจนเต็มที่
· ย่อยสลายสารพิษที่ตกค้าง ในเลือด และในอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะที่ ตับ และไต
· ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา พร้อมเพิ่มคุณภาพภูมิต้านทานต้านเชื้อไวรัส
· ต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำร้ายเซลล์
· กระบวนการย่อยสมบูรณ์ทั้งระบบ ทำให้เซลล์ได้รับอาหาร และออกซิเจนเต็มที่
· ย่อยสลายสารพิษที่ตกค้าง ในเลือด และในอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะที่ ตับ และไต
· ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา พร้อมเพิ่มคุณภาพภูมิต้านทานต้านเชื้อไวรัส
· ต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำร้ายเซลล์
จุดเด่นของแอนซิม่า
-ช่วยบำรุงกระตุ้นการทำงานของตับ ล้างสารพิษในตับ เพราะตับคืออวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ผลิตน้ำดีและน้ำย่อย
-ข่วยป้องกัน ตับอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคดีซ่าน(ตัวเหลืองตาเหลือง)และโรคตับแข็ง (Cirrhosis)
-ช่วยในการป้องกันและขจัดสารพิษที่ทำลายตับ เช่น แอลกอฮอล์ เชื้อรา ยาฆ่าแมลง
-ช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น กระปรี้ กระเปร่า จากการกระตุ้นของเอนไซม์ให้เกิดการทำงานระดับเซลล์ ป้องกันตับอักเสบ และไขมันเกาะตับ
-ช่วยยับยั้งการเกิดออกซิเดนซ์ ทำให้ผิวพรรณกระจ่างใสไร้ริ้วรอย แก้อาการตัวเหลืองตาเหลือง
-ช่วยบำรุงกระตุ้นการทำงานของตับ ล้างสารพิษในตับ เพราะตับคืออวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ผลิตน้ำดีและน้ำย่อย
-ข่วยป้องกัน ตับอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคดีซ่าน(ตัวเหลืองตาเหลือง)และโรคตับแข็ง (Cirrhosis)
-ช่วยในการป้องกันและขจัดสารพิษที่ทำลายตับ เช่น แอลกอฮอล์ เชื้อรา ยาฆ่าแมลง
-ช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น กระปรี้ กระเปร่า จากการกระตุ้นของเอนไซม์ให้เกิดการทำงานระดับเซลล์ ป้องกันตับอักเสบ และไขมันเกาะตับ
-ช่วยยับยั้งการเกิดออกซิเดนซ์ ทำให้ผิวพรรณกระจ่างใสไร้ริ้วรอย แก้อาการตัวเหลืองตาเหลือง
สรรพคุณ
- ช่วยขับล้างสารพิษ และลดการสะสมสารพิษในร่างกาย
- ลดการสะสมไขมันเนื้อในตับ
- ป้องกันตับและลดการสะสมสารพิษในตับ
- เสริมสร้างและกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- มีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ
- ดึงเศษซากเซลล์ตายออกจากกระแสเลือด
- บำรุงเซลล์ตับให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรับตับและถุงน้ำดีให้กำจัดไขมันได้ดีขึ้น
- ดึงไขมันที่สะสมในระบบทางเดินอาหารและกระแสเลือด มาใช้เป็นพลังงาน
- การไหลเวียนของเลือดสะดวก พาออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ร่างกายได้ทั่วถึง
- ผิวสดใสขึ้นลดการเกิดสิว•ปรับสมดุลองค์รวมร่างกาย ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
สนใจติดต่อ..
Call center : โทร. 088-536-2211 088-536-3322 088-536-4433 02-444-6544
ID line : Enzyme.co.th
Follow LINE Official ID @jqk0152o : https://bit.ly/2KuayDT
Follow Fanpage Biowist.co.th : https://bit.ly/2w61GRN
Follow Instagram enzymebiowist : https://bit.ly/2Ig6qcm
Call center : โทร. 088-536-2211 088-536-3322 088-536-4433 02-444-6544
ID line : Enzyme.co.th
Follow LINE Official ID @jqk0152o : https://bit.ly/2KuayDT
Follow Fanpage Biowist.co.th : https://bit.ly/2w61GRN
Follow Instagram enzymebiowist : https://bit.ly/2Ig6qcm
สอบถาม/สั่งซื้อ
|